รีวิวหนัง Star Wars: The Last Jedi
ถึงเวลาส่งท้ายปีไปกับความยิ่งใหญ่ของ Star Wars: The Last Jedi เรียกได้ว่าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ที่ทำให้คนดูเต็มอิ่ม สานฝันแฟนคลับหนังแฟรนไชส์ Star Wars ให้ได้กรี๊ดกันทั้งเรื่องเลยทีเดียว โอ้โห! เปิดบทมาก็เริ่มด้วยประโยคสรรเสริญซะเลย ก่อนลงรายละเอียดก็ขอพูดหน่อยแล้วกันว่า Star Wars: The Last Jedi เป็นหนังที่สนุก และสมบูรณ์แบบมากๆ จนอยากจ่ายเงินเข้าไปดูในโรงหนังหลายๆ รอบ อ่ะ มาๆ เดี๋ยวผู้อ่านจะงงว่าทำไม คนเขียนถึงอวยซะขนาดนี้ เรามาพูดถึงความอลังการของ Star Wars: The Last Jedi กันเลยดีกว่า
เปิดเรื่องมาด้วยฉากมันส์ๆ การต่อสู้กันระหว่างฝ่ายต่อต้าน กับกลุ่มยานของฮักส์ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเหมือนฉากอุ่นเครื่องก่อนที่จะเข้าสู่สงครามจริง เรย์ เดินทางไปตามหา ลุค สกายวอล์คเกอร์ เพื่อฝึกความเป็นเจได แต่เรื่องราวไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด ทางด้าน ฟิน และตัวละครใหม่อย่าง โรส บุกเข้าไปยานฐานทัพของฝ่ายปฐมภาคี เพื่อทำภาระกิจบางอย่างจะสำเร็จหรือไม่ต้องไปลุ้นเอาในหนังนะจ๊ะ ทางด้าน ไคโลเรน ที่ภาคนี้ถือว่าพีคมากๆ หักมุมวุ่นวายไปหมดนั้น ทำเอาตื่นเต้น จนนั่งไม่ติดเก้าอี้ และการกลับมาของ ลุค สกายวอล์คเกอร์ เป็นไปอย่างสมศักดิ์ศรี แถมมีความขลังจนน่าขนลุกอีกด้วย ในภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่อำลาเจ้าหญิงเลอา หรือนักแสดงในดวงใจตลอดการของชาวฮอลลีวูด แคร์รี ฟิชเชอร์ ในการจากไปในชีวิตจริงได้อย่างสวยงาม บทส่งให้เธอนั้นดูมีออร่าสมกับความเป็นเจ้าหญิงผู้นำของกองทัพฝ่ายต่อต้าน เอาเป็นว่าคนเขียนขอจบรายละเอียดเนื้อเรื่องไว้เเค่นี้ดีกว่า ไม่งั้นคงไม่ต้องไปดูกันพอดี555
พูดถึงนักแสดงกันสักเล็กน้อย ขอยกย่องการแสดงของ อดัม ไดรเวอร์ ผู้รับบทเป็น ไคโลเรน การแสดงของเขาแสดงถึงบทมากๆ คือถ้าไม่ใช่ อดัม ไดรเวอร์ ก็ไม่มีใครเหมาะสมกับบทนี้เท่าเขาแล้ว หลายคนจับตามองกับการกลับมารับงานแสดงอีกครั้งของ มาร์ก แฮมิลล์ หรือตัวละคร ลุค สกายวอล์คเกอร์ ที่หลังจากที่เขานั้นผันตัวไปอยู่เบื้องหลังอย่างเต็มตัว ซึ่งไม่เคยรับงานแสดงอีกเลย ในรอบนี้ มาร์ก แฮมิลล์ ต้องฟิตร่างกายเตรียมพร้อมถึง 2 ปีเต็มก่อนที่จะมาเเสดงใน The Last Jedi เป็นการกลับมาที่คุ้มค่ามากๆ ขอคารวะเลยค่ะ เดซี ริดลีย์ กับบทบาทของ เรย์ คือต้องปรบมือดังๆ ให้การแสดงของเธอจริงๆ เท่มาก ขนาดเป็นผู้หญิงเหมือนกันยังเผลอกรี๊ดให้เลยจ้า จริงๆ แอบจิ้น อดัม ไดรเวอร์ กับ เรย์ มากเลยนะ ทั้งที่อยู่คนละฝ่ายยังแอบฟินจิกเท้าตาม เวลาทั้งคู่เผชิญหน้ากัน
ทางด้านของภาพ และเอฟเฟกต์นั้นก็อลังการสมกับความเป็น Star Wars ไม่ทิ้งกลิ่นอายเดิม แต่มีความทันสมัยขึ้น ตัวละครสัตว์ต่างๆ นั้นทำขึ้นมาได้สวยงามน่าหลงไหลมากๆ ดูแล้วก็ยิ้มตามกับความน่ารัก และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย ในเรื่องมุกตลกที่แฝงมาในเรื่อง มันถูกจังหวะ ถูกที่ถูกเวลาสุดๆ บางมุกที่คิดไม่ถึงก็ใส่มาให้ดู ซึ่งได้อารมณ์ไปอีกแบบ ภาคนี้มีภาคแอคชั่นเจ๋งๆ มาให้ได้ดูกันเพียบ โดยเฉพาะฉากแอคชั่นสุดท้ายต้องดู!!!
แนะนำทิ้งท้ายสำหรับใครที่อยากไปดูแต่กลัวไม่รู้เรื่อง ก่อนดูก็ควรอ่านสรุปเรื่องราวในภาคก่อนๆ มาสักนิด เพื่อเพิ่มอรรถรสในการชมให้เข้าถึงมากขึ้น แต่ใครที่ไม่รู้เรื่องในภาคก่อนๆ เลย ก็สามารถดูได้นะ เพราะเนื้อเรื่องค่อยๆ เล่าลำดับขั้นไปเรื่อยๆ ถือว่าดูง่ายอยู่พอสมควร แต่สำหรับสาวกตัวจริงของ Star Wars อยู่เล้วนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยจ้า รับรองว่าดูไปก็จะร้องกรี๊ด นั่งไม่ติดเก้าอี้แน่ๆ ตอนจบไม่มีคลิปหลังเครดิตนะจ๊ะ ลุกออกจากโรงได้เลยสบายใจหายห่วง
สรุป ขอกราบงามๆ ให้ ผู้กำกับ ไรอัน จอห์นสัน ที่กำกับ The Last Jedi ออกมาได้เหนือชั้น แม้หนังจะมีความยาวถึง 2 ชั่วโมง 30 นาที แต่ก็ไม่มีความน่าเบื่อเลยสักนิด ถือว่าเป็นภาคที่ดีที่สุดของ Star Wars เลยก็ว่าได้ พูดได้คำด้วยว่า "ต้องไปดู!" คะแนน 10 / 10
BUGABOO MOVIE
