สัมภาษณ์พิเศษกับ 'Porter Robinson' ศิลปินสุดฮอต! ที่กลับมาพร้อมผลงานใหม่ในชื่อ 'Nurture'

Q : แนะนำตัวให้แฟน ๆ ได้รู้จักสักหน่อย

      ผม Porter Robinson อายุ 28 ปี เป็นโปรดิวเซอร์ดนตรีแนวอิเล็กทรอนิกส์ และนักแต่งเพลงครับ ผมจะอธิบายถึงตัวเองอย่างไรดี กับเพลงของผม ผมพยายามใช้ความรู้สึก ที่ผมสามารถบอกได้ว่า ความรู้สึกนั้นสวยงามหรือไม่ หรือคิดถึงความหลัง ความเศร้า และผมชอบที่จะลองตกผลึกสิ่งนั้นให้กลายเป็นสิ่งที่สดใสและชัดเจนมาก ๆ ผมคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้รู้จักผม คือการฟังอัลบั้ม 'Nurture' และบางทีอาจจะเป็นอัลบั้ม 'Worlds' ก่อนหน้านั้นด้วยครับ

Q : ได้ยินมาว่าคุณเคยคิดว่าตัวเองไม่สามารถเขียนเพลงใหม่ได้อีก คุณผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้น มาได้อย่างไร?

       พูดตามตรงนะ ผมคิดว่าการได้เขียนอะไรใหม่ ๆ ที่แตกต่างจากที่เคยทำมาประมาณนึง มันช่วยให้ผมกลับมาอยู่ในเส้นทางอย่างสร้างสรรค์ แต่วิธีที่ดีที่สุดที่ผมสามารถอธิบายปัญหานี้ได้คือ ผมถูกหลอมรวมเข้ากับความคิดนี้จริง ๆ ผมต้องเป็นนักดนตรี ที่สามารถสร้างเพลงโปรดของตัวเองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ใช่ นั่นคือสิ่งที่ผมทำ ดังนั้นในครั้งแรกที่ผมเริ่มต่อสู้จริง ๆ และผมก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำไมผมถึงเริ่มสู้ ผมก็อาจจะวิเคราะห์มากกว่านี้ได้เช่นกัน แต่วิธีที่ผมตอบโต้กลับกลายเป็นปัญหา ผมตื่นตระหนกและกังวลมาก รู้ไหม ถ้าผมไม่สามารถทำเพลงได้อีกต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นหากผมไม่สามารถทำเพลงได้อีกต่อไป ครุ่นคิดถึงความคิดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นทำให้ผมปิดตัวเอง และพยายามหมกมุ่นกับการทำงาน และนั่นก็แย่จริง ๆ สำหรับผม ผมต้องออกไปสำรวจโลก และรับอิทธิพลใหม่ ๆ นั่นเป็นหนึ่งในข้อผิดพลาดใหญ่อย่างหนึ่ง แต่ผมก็คิดด้วยว่ากับทุก ๆ อย่าง ทุก ๆ ประสบการณ์ที่แย่ ๆ ทุกประสบการณ์ที่ทำให้คุณทุกข์ ผมต้องรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ถ้าย้อนเวลาได้ ผมก็ไม่คิดว่าผมจะเปลี่ยนแปลงอะไรที่เกิดขึ้น เพราะถ้าผมไม่ได้ดิ้นรนมากกับการเขียนเพลง อัลบั้มอย่าง 'Nurture' ก็คงไม่เกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น Q : คอนเซ็ปต์ของอัลบั้ม ‘Nurture’ คืออะไร และคุณอยากจะโชว์อะไรให้แฟน ๆ ได้เห็นในอัลบั้มนี้

       สิ่งแรกที่ผมต้องการจะโชว์จริง ๆ ใน 'Nurture' คือการชื่นชมความเป็นจริง ซึ่งเป็นหนึ่งในความคิดแรกที่ผมมีกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจาก 'Worlds' อัลบั้มก่อนหน้าของผม อัลบั้ม 'World' เป็นความรู้สึกที่สมมติขึ้นมา มันให้ความรู้สึกเหมือนหนังสือการ์ตูน วิดีโอเกม และอะไรทำนองนั้น ผมรู้ว่าผมต้องการสร้างอีกเวอร์ชันที่เป็นชีวิตจริง แทนที่จะค้นหาความงาม และการหนีความเป็นจริงของตัวเอง กลับพบความงามในขณะนั้น และแน่นอนว่าผมไม่มีคำพูดสำหรับมันในตอนนั้น ผมแค่รู้ว่า ผมอยากให้มันรู้สึกใกล้ชิด นั่นเป็นสิ่งแรกที่ผมพูด ดังนั้นมันจึงน่าสนใจ เพราะผมคิดว่ามันเข้ากันได้ดี กับความคิดเรื่อง การฟื้นตัว เพราะผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ผู้คนเรียนรู้เกี่ยวกับเมื่อพวกเขาฟื้นตัวจากบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพจิต หรือการเสพติด ในกรณีของผมคือปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ และภาวะซิึมเศร้า และสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้ คุณเรียนรู้ เช่น การมีสติ และสิ่งหนึ่งที่คุณเรียนรู้เกี่ยวกับการมีสติ ก็คือคุณรู้ว่ามีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่คุณสามารถรับได้ในช่วงเวลาหนึ่ง มีสิ่งต่าง ๆ รอบตัวคุณที่คุณต้องเป็น มีสติสัมปชัญญะ ดังนั้น ผมมักจะอธิบายเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังเสมอ ผมมักจะกระตุ้นให้พวกเขาชอบออกไปข้างนอก และพยายามค้นหา พยายามค้นหา สังเกตบางสิ่ง ที่ถ้าคุณส่งคนเป็นล้านออกไปที่นั่นด้วยงานเดียวกัน ย่อมไม่เลือกสิ่งเดียวกัน เหมือนกับที่คุณชอบไปลองค้นหาสิ่งที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่จะเห็น และชอบศึกษามัน เช่น ได้ใกล้ชิด หรือใกล้ชิดขึ้น และชอบพิจารณามันจริง ๆ และสำหรับผม มันทำให้ผมรู้สึกสงบมากเหมือนที่ทำให้ผมรู้สึกดีจริง ๆ และผมคิดว่า ถ้ามีคนพูดแบบนี้กับผมเมื่อ 3-4 ปีก่อน ผมคงจะแบบ ฟังดูบ้า ๆ นะ แบบนี้ฟังดูแปลก และแปลกจริง ๆ แต่สำหรับผม มันทำให้ผมมีความสุขและความสงบผสมผสานกันอย่างลงตัวมาก ผมคิดว่ากับสองแนวคิดนี้ ในการค้นหาความเป็นจริงที่สวยงามอย่างที่เป็นอยู่ และการฟื้นตัวจากสิ่งที่ยาก ผมคิดว่าทั้งสองความคิดนั้นเชื่อมโยงกัน ดังนั้นผมคิดว่า 'Nurture' เป็นศูนย์กลางของสิ่งนั้น

Q : คุณชอบเพลงไหนมากที่สุดในอัลบั้มนี้ เพราะอะไร

        เพลงโปรดของผมใน 'Nurture' อาจเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงสำหรับบางคน เพราะมันเป็นเพลงที่ฟังดูเหมือน 'Nurture' น้อยที่สุด แต่เพลง 'Musician' มันทำให้ผมมีความสุขมาก ผมคิดว่าเป็นการครุ่นคิด และคุณรู้สึกกังวลมากในเนื้อเพลง และรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ ในทางใดทางหนึ่ง และพยายามรวบรวมความหวังนี้ไว้ด้วยกัน เพื่อที่ผมจะได้ทำสิ่งที่ดีอีกครั้ง และ 'Musician' คือเพลงที่แต่งขึ้นในช่วงท้ายของอัลบั้มด้วยเหตุผลบางอย่าง มันเกือบจะเหมือนเป็นการฉลองที่อาการดีขึ้น เกือบจะเป็นเพลงที่งมงาย และมันเหมือนกับ ...สำหรับผมมันฟังดูเหมือนความสุขที่บริสุทธิ์ และมันเป็นเพลงป๊อปทั้งหมด มันเหมือนกับเพลงป๊อปที่ง่ายที่สุดในอัลบั้ม แต่ฟังแล้วชอบเลย แปลกดี เป็นเพลงป๊อปที่มีความสุข แต่เป็นเพลงที่ฟังแล้วน้ำตาซึม ดังนั้นผมเลยรัก 'Musician' มาก เพลงสุดท้ายที่พยายามทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา ผมคิดว่าผมรู้สึกเหมือนถูกประเมินต่ำเกินไป ผมทำได้ Q : ช่วยเล่าเบื้องหลังระหว่างการทำงานในอัลบั้ม  ‘Nurture’ ที่ประทับใจให้ฟังหน่อย

       มีเรื่องราวสองสามเรื่องที่ดึงดูดใจผม ตั้งแต่ตอนที่ผมกำลังพัฒนา และเขียนอัลบั้ม 'Nurture' เพราะว่าคุณรู้ไหม ทุกครั้งที่ผมประสบความสำเร็จ ผมติดอยู่กับตัวผมจริง ๆ เพราะผมเชื่อมั่นมากว่าจะไม่ทำดนตรีอีก เสียงลีดซินธ์หลัก ๆ ของบางสิ่งที่ปลอบโยน เหมือนกับสิ่งเดียวที่ผมเขียนทั้งหมดในปี 2015 ที่ผมคิดว่าผมสิ้นสุดการรักษา และผมจำได้ว่าเขียนสิ่งนั้น และผมมีสิ่งนี้ เวลาที่ผมเขียนสิ่งที่ผมชอบจริง ๆ ผมจะชอบเดินไปมาในห้อง และแบบว่า โอ้ พระเจ้า แบบนี้นี่เอง ทุกอย่างที่เป็นอย่างนี้ มีอะไรให้ปลอบโยนมากจนผมทำเพลงนั้นไม่เสร็จ จนกระทั่งปี 2019 ผมก็เลยไม่รู้ว่าการเดินทางไกลที่รออยู่ข้างหน้าตอนนั้นเป็นอย่างไร อ้อ ผมจำได้อีกว่า บางทีเพลงที่สองที่ผมทำขึ้นจริง ๆ คือ Look at the Sky อีกอย่างที่ผมจำได้คือ ผมอยู่ในสตูดิโอในโตเกียว และผมก็เหมือนกับกรีดร้องใส่ไมโครโฟน อะไรก็ได้ พยายามจะคิดให้ได้ เหมือนร้องคอรัส และเมื่อผมคิดเนื้อเพลงของ Look at the Sky และทำนองนั้น มันเป็นสิ่งเดียวกับที่ผมเป็น ผมรู้สึกตกใจมาก แล้วผู้จัดการของผมก็บินไปญี่ปุ่นในวันรุ่งขึ้น และผมก็เล่นให้เขาฟัง เขามีอาการเจ็ทแล็กมาก และเขาก็แบบ โอ้ ใช่ เยี่ยมมาก แล้วเช้าวันถัดมาผมก็รู้ว่าผมจะต้องเล่นมันอีกครั้ง และเขาก็แบบว่า เพื่อนนี่มันฮิต โอ้ พระเจ้า แบบนี้ ดังนั้นผมจึงมองย้อนกลับไปในความทรงจำเหล่านั้นด้วยความรัก

Q : คุณคาดหวังอะไรในอัลบั้ม ‘Nurture’

       ผมคิดว่าอย่างแรกที่ผมต้องการสำหรับอัลบั้ม 'Nurture' คือการที่อัลบั้มนี้เหมือนหาคนที่ต้องการฟัง อย่างที่ผมไม่คิดว่าผมเขียนเพลงที่มีความหมาย สำหรับชาร์ตเพลงป็อป อย่างที่คุณรู้ ผู้คนหลายพันล้านคนจะชอบมัน ผมคิดว่ามันเหมือนกับว่ามีผู้คนจำนวนน้อยที่จะรักมันมาก และนั่นคือวิธีการสร้างงานศิลปะ และดนตรีที่ผมชื่นชอบมากมาย ผมชอบ ผมชอบสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่ชื่นชอบ ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผมหวังได้ เมื่อผมพยายามสัมภาษณ์แบบนี้ และเผยแพร่ข้อความไปทั่วอัลบั้ม และทำการตลาด และโพสต์เกี่ยวกับเรื่องนี้ มันเหมือนกับว่าผมต้องการสิ่งนี้ เพื่อเข้าถึงผู้คนที่จะรักมันมากพอ ๆ กับที่ผมรักอัลบั้มโปรดของตัวเอง ผมรู้ว่านั่นไม่ใช่กลุ่มคนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ผมแค่อยากให้คนเหล่านั้นมีมันจริง ๆ เพราะผมเพิ่งรู้ว่าอัลบั้มโปรดของผมมีค่ามากแค่ไหน เหมือนกับว่าผมคิดถึง Discovery โดย Daft Punk ผมรู้ว่าผมมีไวนิลอยู่ชั้นบน และแค่รู้ว่าอยู่ตรงนั้นก็ทำให้ผมมีความสุข นั่นคือสิ่งที่ผมหวังสำหรับ 'Nurture' Q : ถ้าได้มาประเทศไทย คุณอยากจะทำอะไร

       ผมไม่ได้ไปประเทศไทยหลายครั้งนัก แต่ช่วงที่ไปล่าสุดก็แบบว่า โอ้แม่เจ้า ต้องรีบกลับมาเมื่อมีเวลามากกว่า 2-3 วัน ผมเคยไปทำการแสดง คิดว่าน่าจะปี 2018 และผมมีช่วงเวลาที่ดีมาก ผมได้ทานอาหารมากมาย และผมก็ชอบสำรวจทุกที่ ผมก็เหมือนมีความคิดว่า ผมอยากจะใช้เวลาหนึ่งเดือนที่นี่ ดังนั้นผมหวังว่าผมจะได้แสดงในประเทศไทยต่อไป และมีข้ออ้างที่จะกลับมาหาผู้ชมในประเทศไทย

Q : อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทย

       ผมแค่อยากจะบอกว่าขอบคุณที่ติดตามผม และสนใจเพลงของผม และผมหวังว่าจะได้กลับไปในเร็ว ๆ นี้ และได้โชว์การแสดงของจริง อีกสิ่งที่ผมชอบมากเมื่อได้ไปสถานที่อย่างประเทศไทยที่ไม่ค่อยได้ไป คือเมื่อมองออกไปที่ฝูงชน รู้สึกเหมือนอยู่ในงานเทศกาลหรืออะไรสักอย่าง รู้สึกว่ามีผู้คนมากมาย คนที่นี่คงไม่รู้จักผมมากขนาดนั้น ลองมาดูกันว่าผมจะสามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ไหม ผมสนุกกับความท้าทายนั้นมาก แล้วก็มีคนกลุ่มนี้ที่มักจะอยู่ใกล้เวทีเสมอ แบบที่ผมสามารถบอกได้ว่าคนเหล่านี้รู้จักเพลงของผม และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ฟังพวกเขา ดังนั้น คุณรู้ไหม หากคุณกำลังดูสิ่งนี้อยู่ นั่นอาจเป็นคุณ และผมแค่อยากจะพบพวกคุณอีกครั้ง