ได้เวลาของ “เซย่า” Lil' Brat Records”  ( ลิต ‘ แบรท เรคคอร์ด ) ลุยงานซิงเกิลแรก

คลิปที่เกี่ยวข้อง

ได้เวลาของ “เซย่า” Lil' Brat Records” ( ลิต ‘ แบรท เรคคอร์ด ) ลุยงานซิงเกิลแรก

ได้เวลาของ “เซย่า”
Lil' Brat Records”  ( ลิต ‘ แบรท เรคคอร์ด ) ลุยงานซิงเกิลแรก



 
     ค่ายเพลง Lil' Brat Records”  โดยการบริหารงานของ “พีท ทองเจือ และ  เจง วิไลลักษณ์  ทองเจือ”  หลังจากที่ปล่อยเพลง "MiNi HEART (มินิฮาร์ท)" และ "Get Like Me" ของ “มิย่า พิชชา ทองเจือ” ออกมาเป็นศิลปินเบอร์แรก วันนี้ถึงเวลาของ “เซย่า-ณิชฎา ทองเจือ”
                                                              หลังจากที่เซย่าได้ไปออกรายาการ "ร้องข้ามกำแพง" The Wall Song ที่ร้องเพลงคู่กับ “เจฟ ซาเตอร์"  พีท ทองเจือ ได้โพสต์ข้อความ "It’s your time, bae"  ( "ถึงเวลาแล้วลูก") และวันนี้ก็มาถึง วันของ “เซย่า”
                                                            เพลงแรกของ “เซย่า” น่าจะออกมาให้ได้ฟังกันเร็วๆนี้ การทำเพลง เขียนเพลง เข้าห้องอัดต่างๆ อยู่ในขั้นตอนที่พร้อมเกือบ 80 % ส่วนที่เหลือ 20 % คงคือรายละเอียดต่างๆเรื่องภาพ เรื่องของลุคส์ มู้ดแอนด์โทน การถ่ายภาพที่จะนำมาใช้เพื่อโปรโมทพร้อมๆกับเพลงแรกเพลงนี้ วันนี้ไปฟัง “พีท ทองเจือ” เล่าถึงการทำงานครั้งนี้กัน   




บทสัมภาษณ์ 
คุณพีท ทองเจือ และ คุณเจง วิไลลักษณ์ ทองเจือ

ค่าย Lil' Brat Records ( ลิต(เติล) แบรท เรคคอร์ด ) ที่ทำอยู่ กี่ปีแล้วครับ ตอนนี้การทำงานเป็นอย่างไรบ้างครับ ?
   คุณพีท  ;    “ค่ายเราเปิดมาได้ 4 ปีแล้วครับ เริ่มจากมิย่าที่เราได้ปล่อยเพลง ‘MiNi HEART’ (ซิงเกิลแรก) และ 'Get like me' (ซิงเกิลที่ 2) ที่เราทำเพราะน้องๆ ทั้งสองคนเขาชอบ รัก ในการร้องในการเต้น ทั้งคู่เรียนร้องเพลงเรียนเต้นตั้งแต่อายุ 5-6 ขวบ ตอนที่เรียนไปเขาก็ได้ลงในโซเชี่ยลแพลตฟอร์มต่างๆ พอตอนอายุ 11-12 เขาก็เริ่มมีเพื่อนๆ มีคนติดตามเขาเยอะขึ้น และได้เห็นพัฒนาการต่างๆ เราจึงเริ่มที่จะมาๆทำเพลงให้เขากัน และบวกกับเราได้โปรดิวเซอร์ที่เก่ง ทีมงานที่ดี เราจะทำฟังกันเองก็ไม่ได้แล้ว ทำกันแบบจริงจังกันเลยดีกว่า มิย่าเองเขาค่อนข้างรู้ตัวว่าตัวเขาเองชอบอะไรและอยากทำอะไรด้วยครับ เพลงแบบไหนแนวไหนที่ชอบ ลุค คอนเส็ปต์งานต่างๆ ติดต่อประสานงาน ทีมงาน คนที่จะมาทำงานร่วมงานกันกับตัวเขาครับ เรื่องการทำเพลง สไตลิส ไดเร็คเตอร์ เขาลงลุยกันเองเลย เซย่าก็จะช่วยกันในเรื่องต่างๆ ด้วย ทำกันเอง  แต่ถ้ามีปัญหาอะไร ที่ให้เรา ทั้งพ่อ,แม่ ช่วยตัดสินใจ ช่วยกันคิด เราก็พร้อมที่จะลงไปช่วยเขาทันทีครับ เพราะเราบอกลูกๆเสมอว่าเราทั้งคู่ไม่ได้เก่งเรื่องเพลงนะ แต่เราทั้งคู่จะคอยซัพพอร์ตในเรื่องงานการจัดการต่างๆ ซึ่งโดยที่หลักๆ แล้วคนที่เป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์จะเป็น เซย่า ตั้งแต่การทำงานตั้งแต่ต้นมาเลยครับ ซึ่งตอนนั้นเขาเองอายุแค่ 15 เองครับ”
     คุณเจง  ;  “ตอนนั้นตัวเซย่าเองก็อยู่ที่เกาหลีด้วยคะ การคิด การดีไซด์ ไอเดียต่างๆเขาคิดให้น้องเสร็จ เขาก็จะออนไลน์ ส่งงานต่างๆ คุยกัน ประชุมกัน ทำงานกันข้ามประเทศมาเลยคะ แล้วอีกคนที่เป็นญาติเจงที่ทำงานด้านกราฟฟิคคอมพิวเตอร์ ก็จะคอยประสานงาน และทำงานร่วมกันที่ไทยคะ คือทำงานกันผ่านโน๊ตบุ๊ค 3คน ผ่านกันคนละเครื่องทำงานไปด้วยกัน เซย่า , มิย่า และอีกคนคะ ซึ่งมันเหมือนพรสวรรค์ก็ว่าได้ตอนที่เซย่า 9 ขวบ เขาก็เริ่มตัดต่อวิดีโอ ชิ้นงานอะไรง่ายๆ ของเขาได้แล้วคะ ตามประสาเด็ก ถ่ายน้องๆ ทำเป็นคลิปวิดีโอสั้นๆ มาตัดลงเสียงเองทำเอง แล้วก็เอาไปลงในออนไลน์ ที่เห็นคลิปต่างๆ ที่น้องคัฟเวอร์เพลง คลิปอะไรต่างๆ ก็คือฝีมือเซย่าเองทั้งหมด  เราก็เห็นว่าเขามีความสามารถด้านนี้ และก็เรียนรู้เพิ่มเติม ทำเรื่องเกี่ยวกับพวกนี้มาตลอด อาจจะเป็นเรื่องที่เขาชอบมาตั้งแต่เด็กเลยคะ แล้วบ้านเราทั้งพี่พีท เจง ถ้าเห็นว่าลูกๆ ชอบเรื่องอะไรเราก็จะสนับสนุนส่งเสิรมเขาเต็มที่คะ เหมือนอย่างถ้าเขาชอบเรื่องร้องเพลง ชอบเต็น เราก็เอาเลยไปเรียนกันและทำให้มันเต็มที่ อยากทำงานเกี่ยวกับตัดต่อ ทำเบื้องหลัง ถ่ายคลิป ทำคอนเท้นต์ต่างๆ เราก็พร้อมเราก็จัดหาเครื่องไม้เครื่องมือ คอมพิวเตอร์ให้เพื่อนำมาใช้งาน”

  
พี่พีทเองในฐานะคนที่อยู่ในวงการบันเทิง ที่ทำงานทั้งเรื่องการแสดงมาทั้งชีวิต รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นลูกๆ เขามาอยู่ ณ จุดนี้ครับ ?
   คุณพีท  ;    “จริง ๆ ถ้าถามผม ผมไม่ได้อยากให้เขาทำงานในวงการ หรือมาทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องงานบันเทิงเลยนะครับ เพราะว่าคนที่ทำงานบันเทิงมันเหนื่อยครับ ตัวผมเองเราก็ผ่านตรงนั้นมาแล้ว เรารู้ว่ามันเหนื่อย ต้องทุ่มเท ต้องมีระเบียบวินัย ต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเราเองตลอดเวลา แต่พอมาเห็นว่านี่คือสิ่งที่เขาชอบ เขารักที่อยากจะทำ มีความสุขที่ได้ทำมัน และก็ถึงเวลาของพวกเขาเราก็พร้อมสนับสนุนเขาเต็มที่ครับทั้ง มิย่า และ เซย่า อย่างเซย่าเมื่อตอนที่เขาได้โอกาสไปหาประสบการณ์ทีเกาหลีเราก็บอกให้เขาทำให้เต็มที่ และเมื่อเขากลับมาเราก็คุยกันเรามาโฟกัสเรื่องเรียนกันก่อน เดี๋ยวค่อยไปว่ากันในเรื่องของงานเพลง การเป็นศิลปิน โชคดีที่ว่าเขารู้ว่าเขาชอบอะไร อยากทำอะไร อยากเรียนอะไร แล้วตัวเขาเองก็ค่อนข้างเรียนดี เรียนเก่งเขาตั้งใจเรียน จึงพอที่จะเลือกได้ว่าเขาอยากเรียนอะไรครับ ตอนที่เราคุยกันบางช่วงเขาก็อยากเป็นหมอ เป็นหมอฟันบ้าง อยากเป็นสารพัดอะครับในช่วงเวลาต่างๆ เราคุยกันเซย่ามีความสามารถในเรื่องงานด้านอาร์ต และก็ขอบ รักที่จะทำในเรื่องๆ นี้ งั้นเราก็ลองมาทำมาเรียนด้านนี้ให้มันออกมาให้เต็มที่ออกมาดีที่สุด พอปริญญาโทค่อยไปเรียนด้านงานการบริหารก็ได้ คุณจะได้แข็งแรงในสายงานอาชีพของคุณ ตอนนี้เขาก็เรียนที่ มหาวิทยาลัยศิปากรครับ อายุ 19 เรียนอยู่ปี 3 แล้วครับ ผลการเรียนก็ออกมาดี ดีมากด้วยครับ ส่วนในเรื่องของงานเพลงเซย่าก็ยังมีคัฟเวอร์มีร้องมีทำคอนเท้นต์กับมิย่า ร้องเล่นๆ มาตลอด ไม่ได้ทิ้งในสิ่งที่รักไป ก็หาทิศทางจังหวะที่เหมาะสมที่สุด คือค่ายเราก็ไม่ได้ทำเป็นอุตสาหกรรม ซึ่งก็มาลงตัวในช่วงนี้ว่าเราจะมีงานซิงเกิลแรกสำหรับเซย่าครับ”


คือเป็นช่วงจังหวะที่ดี ได้เวลาของ “เซย่า” แล้ว  สำหรับการทีเพลงแรกเป็นของตัวเอง ?
    คุณเจง  ; คือจริงๆ แล้วบางทีอาจจะมีคนมองว่า การเป็นลูกพี่พีท การเป็นลูกดารา นักแสดง คนจะคิดว่าน่าจะได้อะไรมาง่ายๆ ทั้งโอกาส ทั้งการทำงาน แต่สำหรับตัวเซย่าเองแล้ว  กับเด็กในวัยอายุ 15 ในตอนนั้นตอนที่เขาต้องไปเก็บตัวที่เกาหลีเขาต้องผ่านอะไรมาเยอะๆมากเลยนะ มีน้อยคนมากๆ ที่จะได้เจอกับเหตุการณ์แบบนี้ เขาเองก็ล้มลุกคลุกคลานมาโดยตลอด จนมาถึงวันนี้ตัวเจงเองก็ลุ้น เอาใจช่วยเขาว่าวันนี้วันที่เป็นช่วงเวลาของเซย่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ พยายามที่จะให้เขากลับมาทำในสิ่งที่เขารัก ซึ่งก่อนหน้านี้เจงเห็นว่าน้องคิดว่าตัวเองไม่พร้อม ป่วย น้ำหนักขึ้น การถูกปลูกฝังจนกลายเป็นมายเซ็ตว่าการจะเป็นนักร้องต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้  เจงเข้าใจนะว่าเด็กเขาคิด เขารู้สึกอย่างไรบ้าง มีความกดดันอะไรที่เกิดขึ้นบ้าง เราก็ทั้งห่วงใยและต้องเข้าใจเขาในขณะเดียวกัน และพร้อมที่จะให้พลัง ให้การสนับสนุน ให้เขากลับมาทำในสิ่งที่รักที่ชอบให้ได้ในที่สุดคะ”
การทำงานเพลงๆ แรกของเซย่า มีขั้นตอนยังไงบ้างครับ  ?
     คุณเจง  ;  “พอดีพี่โปรดิวเซอร์ที่ทำงานให้เซย่า คือคนที่เราเคยคุยกันตั้งแต่ก่อนที่น้องจะไปเกาหลีคะ ตอนนั้นเราเตรียมเพลงที่จะทำอะไรให้น้องแล้ว แต่น้องเองต้องเดินทางไปเกาหลี เราเลยจึงหยุดตรงนั้นไว้ก่อนและเก็บงานตรงนั้นไว้ และเมื่อน้องกลับมาแล้ว และพร้อมที่จะมาทำเพลงกันก็เลยมาคุยกันอีกครั้ง แล้วก็นำงานที่เราเคยคิดกัน คุยกัน มาพัฒนากันอีกครั้งคะ กับเซย่าเราก็คุยกันว่ามันถึงเวลาที่เราจะมาตามฝันของเรากันได้แล้ว มาทำงานเพลงกัน แล้วเราก็เริ่มทำงานกับพี่โปรดิวเซอร์คนเดิมของเรากันคะ”

พี่พีทได้โพสต์ถึงเซย่า “ถึงเวลาแล้วลูก” ( iT S YOUR TIME, BAE ) ?
   คุณเจง  ;  จริงๆ แล้วกับคำว่าถึงเวลา ได้เวลาแล้ว ตัวเซย่าเองตั้งแต่แรกควรจะถึงเวลาในการมีงานเพลง มีซิงเกิล ก่อนน้องๆ แต่บังเอิญว่าตัวเขาเองมีเส้นทางที่ต้องไปทำไปฝึกในการเป็นศิลปิน และเมื่อกลับมาก็คือพวกเราก็คุยกันและให้เขาพัก ดูแลตัวเอง แล้วก็รอเวลาที่มันเป็นช่วงที่ดีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขาคะ  ตัวน้องสาว   มิย่าก็มีผลงานออกมาแล้ว น้องโรเตอร์ก็มีอาชีพเป็นนักแข่งรถ ทำในสิ่งที่เขารักแล้ว ไปแข่งในระดับต่างประเทศซึ่งอนาคตของตัวเขาๆรู้แล้วว่าเขาอยากเป็นอะไร และทำได้ดีด้วยอย่างที่ฝึกซ้อม ทุ่มเท ตั้งใจ พยายามทำมันให้ดีที่สุด ที่นี่ตัวเซย่าเราทุกคนมองว่านี่แหล่ะคือช่วงเวลาที่ดีที่เหมาะสมที่สุด เรื่องร่างกาย จิตใจ ความพร้อมทุกๆอย่างมันลงตัว เซย่าพร้อมที่จะทำในสิ่งที่ตัวเขารักที่สุดแล้ว เพราะว่าเรื่องการร้องเพลงการได้คิดได้สร้างสรรค์อะไรที่เกี่ยวกับงานเพลง พ่อกับแม่ ได้เห็นมาโดยตลอดตั้งแต่เราพาเขาไปเรียนร้องเพลง ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชอบรักมัน อยากทำมัน ร้องแล้วมีความสุขทุกๆ ครั้งตั้งแต่เด็กเราเห็นสิ่งนี้มาโดยตลอดคะ มันคือสัญญาณที่บอกเราเสมอมาว่านี่คือความฝันของเขาที่ไม่เคยหายไปเลย และวันนี้นี่คือเวลาของเซย่าแล้วคะ”

ต่อไปเราจะได้เห็นภาพ พี่น้องร้องเพลงด้วยกันไหมครับ ในงานชิ้นต่อๆ ไป 2 สาว หรืออาจจะเป็นทั้ง 3 คน มีผลงานด้วยกันครับ ?
   คุณเจง  ; ตรงนี้เป็นสิ่งที่แฟนๆ ถามกันมามาก แล้วก็หลายๆ ครั้ง คนที่ได้เจอ คนที่รู้จักพวกเราถามมาว่า เขาทั้งสองคน หรือลูกๆทั้งสามคน อยู่ด้วยกัน รู้จักกันสนิทกันมากที่สุดจะมีงานเพลงที่ร้องที่ทำด้วยกันไหม เราก็คิดนะคะว่าเขาคือคู่พี่น้องที่ควรจะได้ทำในสิ่งที่รักด้วยกัน มีเพลงที่ร้องด้วยกัน น่าจะมีผลงานพิเศษสักชิ้นหนึ่ง อาจจะเป็นเรื่องในอนาคตอันใกล้นี้ก็ได้ แต่วันนี้เรากำลังทำงานของเซย่าด้วยกัน ช่วยกันคิด ช่วยกันทำคะ”

พี่พีท กับ พี่เจง ในฐานะพ่อแม่ เคยคิดไหมครับว่าลูกๆทั้ง 3 คน มีหน่วยก้านที่ดี ที่จะเดินตามรอยคุณพ่อในเรื่องของงานการแสดงครับ ?
    คุณพีท  ;  ตรงนี้ผมแล้วแต่พวกเขาเลยครับ ว่าตัวเขาชอบไหม อยากทำไหม อยากมีประสบการณ์ในเรื่องของงานในวงการบันเทิงมั้ย ทั้ง 3 คน”
    คุณเจง เสริมว่า ; เราเห็นว่าคนที่น่าจะชอบในเรื่องการแสดง หนัง ละคร ซีรี่ย์ น่าจะเป็นมิย่า และตัวเขาเองก็ได้ลองไปเล่นหนังมาเรื่องหนึ่งตอนอายุ 15 แต่ช่วงเวลานั้นอาจจะเป็นจังหวะโควิดพอดี มิย่าชอบนะคะ เขาสนุกกับมันและรักที่อยากจะทำ อย่างโรเตอร์เองคนนี้มีคิดติดต่อข้ามาเยอะมาก เข้ามาคุย ถามมาตลอดว่าอยากจะลองให้เขามาเล่นมาแคสดูบ้างมั้ย เราก็ถามตัวเขาๆบอกว่าตอนนี้เขาขอโฟกัสในเรื่องของการเป็นนักแข่งก่อน แต่ต่อไปในช่วงจังหวะเวลาที่ดีที่ลงตัวก็ไม่แน่ ทั้ง 3 คนเลยคะ คุยมาได้เลยเราทั้งคู่ไม่ติดอะไรที่จะให้ลูกๆได้ไปทำได้มีประสการณ์ที่ดีคะ”
    คุณพีท  ;  “เรากำลังจะบินไปแข่งที่เกาหลีครับ และเผอิญว่าทีมที่เราสังกัดอยู่เขาก็มีบริษัทที่ทำงานด้านเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ด้วย เขาก็นัดเราไปถ่ายรูป ทำโปรไฟล์ไว้ด้วย แต่โรเตอร์เองก็ขอว่าโอเคครับแต่เขาไม่ร้องเพลงนะ เขาอาจจะไม่ถนัด ที่นู้นก็เลยวางว่าเขาจะทำให้น้องโรเตอร์เป็นนักแข่งรถที่เป็นเซเลปด้วยครับ ไปออกงานร่วมงาน ถ่ายโฆษณา เราจะไปถ่ายกันที่สตูดิโอที่เกาหลีกันครับ”

คุณพ่อคุณแม่รู้สึกอย่างไรกับลูกๆทั้ง 3 คน ที่เติบโต และได้ทำในสิ่งที่เขารักครับ ?
    คุณพีท  ;  เราในฐานะพ่อ เราดีใจ ภูมิใจ และมันคือวันที่เรารอคอยมานาน อยากเห็นลูกๆ เรามีความเจริญเติบโต
    คุณเจง  ;  ถ้าพูดถึงในตัวเซย่าเองนะคะ วันนี้คือวันที่เรารอมานานมากๆๆๆๆๆ อยากให้เขามีวันนี้ เพราะตัวเขาเองผ่านอะไรมาเยอะสำหรับเขาที่อายุเท่านี้ เจออะไรมาเยอะจนในบางช่วงบางเวลาเขาเกือบจะทิ้งความฝันตรงนี้ไปแล้ว ไม่อยากทำแล้ว หยุดก่อน พอก่อน เราทั้งคู่และน้องๆทั้ง 2 คน ก็ให้กำลังใจให้เขาสู้ ให้เขาลุกขึ้นมาทำมันให้ได้ มีแรงและมีพลังที่อยากจะกลับมาทำมันอีกครั้ง ด้วยตัวของเขาเอง ด้วยใจของเขาคะ       พี่พีท  ;  เรารู้ได้เลยว่าวันนี้เขาพร้อมที่อยากจะทำมัน เพราะอย่างทีมงาน ทีมเพลง คนที่ทำงานด้านต่างๆในซิงเกิลนี้  เซย่าเป็นคนคุยเป็นคนหาติดต่อประสานงานเองทั้งหมดเลย อยากได้เพลงแบบไหน แนวไหน ลุคของเขาสำหรับซิงเกิลนี้ คอนเส้ปต์การทำ MV อยากได้อะไร ภาพจะออกมาแบบไหน น้องจะเป็นคนคุยกับพี่ๆ เพื่อนๆ ร่วมกันคิดร่วมกันเสนอไอเดีย ความคิดเห็นต่างๆ เรียกได้ว่าเป็นตัวของเซย่าเองเลยทั้งหมดเลยครับ เราทั้งคู่ก็คือคอยช่วยอยู่ห่างๆ คอยดูเขา”
     คุณเจง  ;  ในมุมของการบริหารงานค่ายเพลง เราทั้งคู่ก็ถือว่าเราคิดถูก ตัดสินใจถูก โชคดีที่ได้ศิลปินที่ทุ่มเทกับงาน ใส่ใจ ตั้งใจ ในการทำงานทุกขั้นตอน      ส่วนในฐานะพ่อแม่เจงว่าเราพูดได้เลยว่า ....เราเลี้ยงลูก เราหายเหนื่อย ไปเลยคะ      เมื่อเราเห็นเขาเติบโต ทำอะไรจริงจัง ไม่กลัวเหนื่อย สู้กับงานที่ต้องให้พลังกับมันเยอะมาก เขาตื่นเช้ามาทำงาน แต่งตัว เข้าฉาก ร้อง แสดง ตั้งใจทำ   ก็มีคะที่เขาอาจจะดื้อ มีที่ไม่เข้าใจกัน แต่เราก็หาจุดที่เราคุยกันได้ จุดกึ่งกลาง ปรับจูนเข้าหากัน เข้าก็เข้าใจเรา เราก็ต้องเข้าใจเขา วัยเขา เราเป็นทั้งพ่อแม่เขาและเพื่อนเขาได้คะ เราภูมิใจที่เราได้ฝึกได้แนะนำเขาให้เขาได้ทำ หารายได้ของเขาเองได้ มีช่องยูทูป ถ่ายเองตัดเองทำเอง เขาได้ทำเพลงที่เขารัก อีกคนก็ได้เป็นนักแข่งรถอย่างที่เขาอยากเป็น ทุกอย่างต้องแลกมาด้วยการต้องลงมือทำด้วยตัวเอง เจงกับพี่พีทเลี้ยงลูกมาในแบบที่เขาเองแต่ละคนเป็นตัวของเขา กล้าคิด กล้าทำ กล้าพูดว่าอยากทำอะไร กล้าแสดงออก โดยที่มีพวกเราคอยดูแล สนับสนุนคะ”

คาดหวังกับการทำงานครั้งนี้  การปล่อยซิงเกิลเพลงนี้ยังไงบ้างครับ ?
    พี่พีท  ;  จริงๆแล้วผมอยากให้เขาทำให้เต็มที่ที่สุด ความสำเร็จของเราคือ การที่เซย่าได้มีซิเกิลแรกของตัวเอง มาสเตอร์ทำเสร็จ เอ็มวีถ่ายเสร็จตัดต่อเรียบร้อย ผลงานเป็นที่น่าพอใจ เป็นตัวเขามากที่สุด เขาผ่านอะไรมาเยอะแล้วการได้ทำงานครั้งนี้ออกมามันเหมือนเราได้ขยับเซย่าขึ้นมาอีกขั้นนึงของชีวิตเขาแล้วครับ นี่คือการเดินทางของตัวเขาเองกับแฟนๆเพลง คนที่รักเขา คนที่ให้การสนับสนุนเขา เฝ้าดูติดตาม ที่รอเขาอยู่ ทุกๆคนที่ซัพพอร์ตเขาจะเป็นคนพาเขาออกไปสู่ความฝัน ไปสู่ในสิ่งที่เขารัก และให้กำลังใจเขาครับ”

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark