คลิปที่เกี่ยวข้อง

รีวิวหนัง 4Kings อาชีวะยุค 90 - ศักดิ์ศรี มิตรภาพ พวกพ้อง หนังที่หยิบยกเรื่องจริงมาต่อยอดได้กลมกล่อม

4Kings อาชีวะยุค 90 เป็นภาพยนตร์แนวดราม่า อาชญากรรม ที่ตีแผ่ปัญหาสังคม และความจริงอีกมุมของกลุ่มนักเรียนช่าง หรือสายอาชีพในยุคอดีตที่ผ่านมา รวมไปถึงบทเรียนชีวิตที่พวกเขาได้พบเจอหลังผ่านความผิดพลาดเหล่านั้นมาแล้ว เขียนบท และกำกับโดย พุฒิ พุฒิพงษ์ นาคทอง ผู้กำกับสายเลือดอาชีวะตัวจริง ที่ร้อยเรียงเรื่องราวและประสบการณ์ที่มีมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์ โดยเมื่อ 7 ปีที่แล้ว เขาเคยทำ 4Kings ในแบบหนังสั้น มีความยาว 15 นาที ก่อนที่ปัจจุบันจะได้รับการต่อยอดนำมาทำเป็นภาพยนตร์ฉายในโรง

 

4Kings อาชีวะยุค 90 นำแสดงโดย
เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ รับบทเป็น ดา อินทร
จ๋าย อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี รับบทเป็น บิลลี่ อินทร
ภูมิ รังษีธนานนท์ รับบทเป็น รูแปง อินทร
โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ รับบทเป็น มด ประชาชล
นัท ณัฏฐ์ กิจจริต รับบทเป็น โอ๋ ประชาชล
แบงค์ ชนาธิป พิสุทธิ์เสรีวงศ์ รับบทเป็น เอ็กซ์ ประชาชล
ทู สิราษฎร์ อินทรโชติ รับบทเป็น เอก บุรณพันธ์
แหลม สมพล รุ่งพาณิชย์ รับบทเป็น บ่าง กนก
เอิร์ธ วิศววิท วงษ์วรรณลภ รับบทเป็น วิทย์ กนก
บิ๊ก อุกฤษ วิลลีย์ บรอด ดอนกาเบรียล (D Gerrard) รับบทเป็น ยาท เด็กบ้าน
 
 
เมื่อความคึกคะนองในช่วงวัย สร้างมิตรภาพ และศัตรูมาพร้อมกัน หนังจะเล่าจากเหตุการณ์จริงของเรื่องราวความขัดแย้งระหว่างนักเรียนช่างต่างสถาบัน ได้แก่ อินทรอาชีวศึกษา (ก่อสร้างอินทร), เทคนิคบุรณพนธ์ (ช่างกลบุรณพนธ์), เทคโนโลยีประชาชล (เป็นชื่อที่ใช้ในภาพยนตร์ แปลงมาจาก เทคโนโลยีประชาชื่น) และ กนกเทคโนโลยี (กนกอาชีวะ) ในยุคนั้น ทั้ง 4 สถาบัน ถูกกล่าวขานว่าเป็นขาใหญ่ที่สุดในบรรดาสายอาชีวะ

โดยศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่ตัวละคร บิลลี่ อินทร รับบทโดย จ๋าย อิชณน์กร (จ๋าย ไททศมิตร) และ ดา อินทร รับบทโดย เป้ อารักษ์ ที่จะพาคนดูไปรู้จักโลกของเด็กช่าง และสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาสังคม วัยรุ่นตีกัน การตั้งท้องในวัยเรียน และยาเสพติด เป็นต้น
 


พูดได้เต็มปากบอกได้อย่างภูมิใจเลยว่า "นี่คือหนังที่จะมาปลุกกระแสหนังไทยให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง" จาก เนรมิตหนังฟิล์ม ค่ายหนังน้องใหม่ ที่เปิดตัวได้อย่างร้อนแรงตั้งแต่ตัวอย่างแรกปล่อยออกมา หนังมีกลิ่นอายของ 2499 อันธพาลครองเมือง ที่สมัยนี้คงจะหาชมได้ยากแล้วกับหนังแนวนักเลงไทย นับเป็นสิ่งที่โหยหาและรอคอยกันมานาน อาจเพราะด้วยเสน่ห์ความเป็นยุค 90 ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บวกกับการหยิบยกเรื่องจริงมาต่อยอด ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า หนังแนวนี้เหมาะกับคนไทยจริงๆ
 
 
สำหรับ 4Kings อาชีวะยุค 90 เป็นหนังที่เล่าเรื่องได้ดี มี จุดเด่น ที่การได้เด็กช่างตัวจริงมากำกับและเขียนบท รวมไปถึงการได้ที่ปรึกษาจากตำนานอาชีวะอย่าง รูแปง อินทร 39 และ เอ็กซ์ ประชาชื่น ก็ทำให้เราคนดูเข้าใจปัญหาและสัมผัสกับความเจ็บปวดของเด็กช่างในยุคนั้นได้อย่างดี โดยทางทีมผู้สร้างไม่ได้ทำเพื่อชื่นชอบความรุนแรงหรือยุยง แต่มุ่งหวังให้หนังเรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สะท้อนปัญหาสังคมเท่านั้น

จุดที่น่าชื่นชมของหนัง มีหลายส่วนมากๆ ทั้งรายละเอียดความเป็นยุค 90 ที่ใส่เข้ามาได้สมจริงมาก รวมถึงคำพูดที่ไม่ได้ยินกันมานานแล้ว อย่าง "จ๊าบว่ะ" กับ "ไอ้กร๊วก" หรือแม้แต่ "จริงใจไม่จิงโจ้ " ก็เรียกว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดี และส่วนที่ต้องขอชื่นชมมากที่สุดเลยคือ การคัดเลือกนักแสดง ที่มี 100 ขอให้เต็ม 100 เลย ทีมนักแสดงฝีมือเหลือล้นกันทุกคน มีมาดนักเลงและความกวนโอ๊ยอยู่เต็มข้อ ทั้งยังมีตัวละครที่เป็นตัวป่วนและตัวแปรสำคัญอย่าง ยาท เด็กบ้าน กับอีโบ๊ะสีชมพู รับบทโดย บิ๊ก D Gerrard มาเพิ่มรสชาติให้กับหนัง ซึ่งโดยรวมหนังมีซีนที่น่าจดจำเยอะ ทั้งในพาร์ทความสนุกเฮฮา ความรุนแรง และความโศกเศร้า
 

อีกหนึ่งสิ่งที่ชอบมากๆ คือหนังมีการจั่วประเด็นด้วยบทสนทนาได้ดี ตั้งแต่คำพูด "ระหว่างเพื่อนกับสถาบัน กูว่ามันสำคัญเท่ากัน" หรือ "ถ้ากูไม่อยู่บู มึงไม่อยู่ชล เราจะตีกันมั้ยวะ" ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สังคมก็เกิดคำถามเช่นกัน แต่ตัวหนังไม่ได้ให้คำตอบเหล่านี้อย่างชัดเจน สิ่งที่หนังพยายามจะส่งสารให้คนดูคือ บทเรียนชีวิตที่ได้จากความผิดพลาดในอดีต
 
 
ส่วนที่ น่าเสียดาย อย่างมากของ 4Kings อาชีวะยุค 90 คือความเล่นไม่สุด และบทดราม่าที่เสิร์ฟเข้ามาบ่อยจนกลายเป็นความยัดเยียด พยายามจะสอนคนดูมากเกินไป ทั้งฉากบู๊แบบลูกผู้ชายก็ยังไม่มากพออย่างที่คาดหวัง จนทำให้บางอย่างดูขาดมิติ และในช่วงท้ายหลังไคลแม็กซ์มีการดริฟต์ประเด็น หักอารมณ์พอสมควร แม้ว่าองค์ประกอบจะไม่ได้สมบูรณ์แบบไปทุกอย่าง แต่ผู้กำกับและทีมนักแสดงก็สามารถทำให้หนังดูได้ลื่นไหลไปตลอด 2 ชั่วโมงกว่า


สรุปแล้ว 4Kings อาชีวะยุค 90 เป็นหนังไทยคุณภาพอัดแน่น ทั้งภาพ เสียง อารมณ์ และตัวละคร เป็นอะไรที่ลงตัวที่สุด จนกล้าพูดได้เลยว่า 4Kings จะปลุกวิญญาณหนังไทยให้กลับมามีสีสันอีกครั้ง เพราะนี่ไม่ใช่แค่หนังยกพวกตีกัน แต่คนทำต้องการจะสื่อสารว่า ทุกการกระทำย่อมมีผลตามมาเสมอ รวมถึงการตีแผ่มุมปัญหาครอบครัว สังคมของนักเรียนนักเลงที่มักจะเป็นผู้ร้ายในสายตาคนอื่น ถึงแม้ตัวบทจะมีจุดด้อยที่ทำให้ขาดอรรถรสไปบ้าง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าของหนังเรื่องนี้ลดลงไปเลย
- คะแนน 9/10 -

รีวิวหนัง Halloween Kills ฮาโลวีนสังหาร - หนังขายความโหดของ ไมเคิล ไมเยอร์ส ที่ขั้นเวลาก่อนไปภาคสาม

รีวิวหนัง Spiral: From the Book of Saw เกมลอกอำมหิต - ตำนานความสยองบทใหม่ของ Saw ได้เริ่มขึ้นแล้ว

รีวิวหนัง The Green Knight เดอะ กรีนไนท์ ศึกโค่นอัศวินอมตะ - หนังแฟนตาซีฟอร์มยักษ์ที่แฝงไปด้วยปรัชญา

อ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆ

BUGABOO MOVIE / เครดิตภาพและคลิปจาก M Picture
 






























ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark