ติดโควิด-19 เดินทางข้ามจังหวัดได้หรือไม่?

เคลียร์ข่าวชัด 7HD - สาธารณสุขจังหวัด เตรียมดำเนินคดีคู่รักชาย-หญิง ที่รู้ตัวว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่กลับนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพ กลับนครศรีธรรมราช ในฐานความผิดปกปิดข้อมูล ขณะที่สายการบินที่ให้บริการในวันดังกล่าว สั่งผู้มีความเสี่ยงกักตัวแล้ว

กรณีมีคู่รักชาย-หญิง รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองติดเชื้อโควิด-19 แต่ว่าทั้งคู่ได้นั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมือง กลับบ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา โดยได้แยกกันเดินทาง ผู้ชาย อายุ 26 ปี เดินทางเที่ยวเช้า ส่วนผู้หญิง อายุ 26 ปีเช่นกัน เดินทางเที่ยวค่ำ

จากนั้นได้โดยสารรถแท็กซี่จากท่าอากาศยานกลับไปบ้าน แต่ไม่ได้กักตัว หรือแจ้งกับสาธารณสุขจังหวัดให้ทราบ ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช

สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยไทม์ไลน์ของคู่รักชาย-หญิง พบว่าทั้งคู่อาศัยที่กรุงเทพฯ และรู้ตัวว่าติดเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 10 เมษายน แต่ไม่เข้ารับการรักษาตามขั้นตอนที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ กลับนั่งเครื่องบินกลับมาที่นครศรีธรรมราช

เจ้าหน้าที่ระบุว่า พฤติกรรมของทั้ง 2 คน เป็นการจงใจปกปิดข้อมูล ตอนนี้กำลังเตรียมดำเนินคดี พร้อมเร่งแจ้งประชาชนที่เป็นกลุ่มเสี่ยง สัมผัสเชื้อจากทั้ง 2 คนนี้ ให้ไปรายงานตัวต่อสาธารณสุขโดยด่วน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 แล้วปฏิเสธการรักษา​ เพื่อที่จะเดินทางไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่จังหวัดอื่น ๆ​ เป็นพฤติกรรมที่ไม่สามารถกระทำได้​ เพราะอาจแพร่กระจายเชื้อเพิ่มเติม​ และมีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ​ ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรง​ แต่หากเดินทางโดยไม่รู้ตัวว่าป่วย​ ก็เป็นอีกกรณีที่จะต้องสอบสวนโรคต่อไป​

ขณะที่สายการบิน ไทยไลอ้อนแอร์ ชี้แจงเหตุปล่อยผู้โดยสารติดเชื้อโควิด-19 เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานจังหวัดนครศรีธรรมราช ด้วยเที่ยวบิน SL 792 พบว่าก่อนการเดินทาง ผู้โดยสารได้ผ่านจุดคัดกรองที่สนามบินถือว่าเป็นปกติ ไม่ปรากฏว่ามีไข้ จึงไม่มีการห้าม หรือยับยั้งการเดินทาง แต่เมื่อทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น สายการบินได้สั่งการให้ลูกเรือและนักบินในเที่ยวบินดังกล่าว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่ปฏิบัติหน้าที่ในวันดังกล่าวกักตัว 14 วัน เพื่อสังเกตอาการ และทำการส่งไปตรวจวัดไข้ต่อไป ส่วนเครื่องบินลำดังกล่าวได้ผ่านการพ่นสเปรย์และอบฆ่าเชื้อ ทำความสะอาด ตามมาตรฐานความปลอดภัย หลังเที่ยวบินที่กลับจากการให้บริการเป็นประจำทุกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้โดยสาร

ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ที่อยู่ระหว่างการหาเตียง และส่งตัวเข้ารักษาในของโรงพยาบาล และต้องกลับไปพักที่บ้านก่อน คนกลุ่มนี้ต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของทางโรงพยาบาลอย่างเคร่งครัด

กระทรวงสาธารณสุข ก็มีคำแนะนำเรื่องนี้ออกมา ในระหว่างที่ผู้ป่วยรอเตียง รอรถพยาบาลมารับที่บ้าน ต้องแยกตัวออกมาอยู่ภายในห้องส่วนตัวตามลำพัง ไม่ต้องให้ใครมาเยี่ยมที่บ้านหรือที่ห้อง อยู่ในห้องส่วนตัวตลอดเวลา หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้กับคนที่พักอาศัยด้วย หากจำเป็นต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และอยู่ห่างจากคนอื่นมากกว่า 1 เมตร หรือ 1 ช่วงแขน ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล หรือสบู่ หากมีอาการไอ จาม ขณะสวมหน้ากากอนามัย ห้ามเอามือไปปิดปาก

และห้ามถอดหน้ากากอนามัย ใช้ห้องน้ำแยกจากคนอื่น หากต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับคนในบ้าน ให้ใช้เป็นคนสุดท้าย แยกของใช้ทุกอย่างจากผู้อื่น เช่น จาน ชาม ช้อน แก้วน้ำ ห้ามนั่งรับประทานข้าวกับคนอื่น และให้แยกซักเสื้อผ้า ผ้าปูเตียง ผ้าขนหนู วิธีซักต้องซักด้วยน้ำและผงซักฟอก หากใช้เครื่องซักผ้าให้ซักด้วยน้ำร้อนที่อุณหภูมิ 60-90 องศาเซลเซียส

ที่สำคัญระหว่างผู้ป่วยอยู่บ้านให้สังเกตอาการตัวเอง วัดอุณหภูมิทุกวัน หากมีอาการแย่ลง เช่น หอบเหนื่อย ไข้สูง ไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ ให้รีบติดต่อโรงพยาบาลที่ตัวเองไปตรวจหาเชื้อทันที และห้ามเดินทางด้วยตัวเองอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ส่วนตัว หรือรถสาธารณะก็ตาม