คอลัมน์หมายเลข 7 : เก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้าน มหากาพย์ที่ยังไม่จบ
ข่าวภาคค่ำ - สัปดาห์นี้ คอลัมน์หมายเลข 7 มีซีรีส์ "ปัดฝุ่นคดีเก่า เรื่องดังที่ยังปิดไม่ลง" ว่ากันยาว ๆ 5 ตอน ตามดูทั้งคดีทุจริต และการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ หลายเรื่องที่สังคมเคยให้ความสนใจ ตอนนี้ไปถึงไหน ติดตามจากคุณสมโภชน์ โตรักษา
เปิดตอนแรกกันกับคดีภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท พัวพันกับครอบครัวอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นเรื่องเป็นราวมาตั้งแต่ปี 2549 หลังมีการขายหุ้นให้กลุ่มเทมาเส็ก แต่กลับไม่มีการจัดเก็บภาษี คดีนี้สุดท้ายจะทวงคืนภาษีได้หรือไม่ ติดตามจากคุณสมจิตต์ นวเครือสุนทร
ผ่านมา 15 ปี ภาษีหุ้นชินคอร์ป 1.76 หมื่นล้านบาท หลังรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ รับลูกตามหนังสือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ที่แจ้งเตือนกรมสรรพากรให้เรียกเก็บภาษีเงินได้ก้อนนี้ ก่อนคดีขาดอายุความในวันที่ 31 มีนาคม 2560 โดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พบช่องกฎหมายคลี่คลายปัญหาหมดอายุความ ด้วยการให้กรมสรรพากรออกใบประเมินภาษีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปภายในวันที่ 31 มีนาคม 2560 เพื่อให้เกิดการนับอายุความใหม่ 10 ปี ขณะที่ นายทักษิณ ชินวัตร ใช้สิทธิอุทธรณ์การเรียกเก็บภาษีก้อนดังกล่าว ก่อนที่เรื่องจะหายเข้ากลีบเมฆไปเกือบ 4 ปี กระทั่งมีรายงานข่าวจากสื่อหลายสำนักในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ว่า คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ยกคำอุทธรณ์ของนายทักษิณ ในกรณีนี้ ไปตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน ปีที่แล้ว โดยคำวินิจฉัยระบุชัด นายทักษิณให้ลูกชายและลูกสาวเป็นตัวแทนเชิดในการซื้อหุ้นชินคอร์ป จากแอมเพิลริช นอกตลาดหลักทรัพย์ ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด มีเจตนาไม่สุจริต เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ทำให้รัฐเสียประโยชน์ จึงไม่งดหรือลดเบี้ยปรับ พร้อมกับชี้ว่า การประเมินภาษี 1.76 หมื่นล้านบาทของกรมสรรพากรถูกต้องแล้ว
คอลัมน์หมายเลข 7 สอบถามไปยังโฆษกกรมสรรพากร ได้รับคำชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ได้ปล่อยให้เงียบหาย แต่มีการดำเนินการตามขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง
ส่วนการเอาผิดทางวินัยข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้เกิดการเลี่ยงภาษีดังกล่าว โฆษกกรมสรรพากรไม่ขอให้ข้อมูล โดยระบุว่าเป็นเรื่องลับ
การเข้าช่วยเหลือ เพื่อไม่ให้บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีนี้ ยังเป็นคดีที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก นางเบญจา หลุยเจริญ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ในขณะดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมสรรพากร และพวก 4 คน คนละ 2 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2562 ฐานระดมมันสมองสรรพากร วินิจฉัยเปิดช่องช่วยไม่ให้นายพานทองแท้และนางสาวพิณทองทา จ่ายภาษีก้อนนี้ โดยนางเบญจาออกจากเรือนจำแล้ว อยู่ระหว่างการพักโทษ ต้องติดกำไลอีเอ็ม หลังถูกจองจำ 1 ปี 7 เดือน
การทวงคืนภาษีกว่า 17,000 ล้านก้อนนี้ ยังเป็นเรื่องที่สังคมต้องติดตาม เพราะดูว่าจะเป็นมหากาพย์ที่ไม่จบลงง่าย ๆ ตอนหน้า คอลัมน์หมายเลข 7 ชวนไปติดตามการเอาผิดคนโกงเงินครู 2,500 ล้านบาท ที่เคยเป็นคดีดังหลายปีก่อน มาถึงวันนี้เดินหน้าไปได้ถึงไหน ตามเงินครูกลับมาได้ทั้งหมดหรือยัง ติดตามในวันพรุ่งนี้