อย.รับรอง วัคซีน โมเดอร์นา

เช้านี้ที่หมอชิต - อย.ประกาศรับรองขึ้นทะเบียนตำรับยา วัคซีนโมเดอร์นา มีผลวันวานนี้ ขณะที่ สปุตนิกวี และ บารัต อยู่ระหว่างการพิจารณา

ช่วงเย็นวานนี้ นายไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. ลงนามรับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยาของวัคซีนโควิด-49 ชื่อ โมเดอร์นา มีผลตั้งแต่วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 ถึงวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ ใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน ระบุว่า ชื่อยา โมเดอร์นา วัคซีนโควิด-19 covid-19 vaccine moderna ตามแบบ ย.1 เลขรับที่ 1C 90006/64 (NB) รูปแบบยา DISPERSION FOR INJECTION ลักษณะยา น้ำยากระจายตัวสีขาวถึงสีออกเหลืองอ่อน ประเภทยา เป็นยาควบคุมพิเศษ

ซึ่ง วัคซีน โมเดอร์นา นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยบริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด มีใบอนุญาตเลขที่ 38/2539 ชื่อผู้ผลิตยาสำเร็จรูป ROVI PHARMA INDUSTRIAL SERVICES, S.A อยู่ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน แต่ขณะนี้บริษัทฯ ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะส่งมอบวัคซีนได้เมื่อใด และมีความเป็นไปว่า จะมีการนำ วัคซีน โมเดอร์นา มาให้บริการในโรงพยาบาลเอกชน แต่ผู้ที่สมัครใจ ต้องจ่ายเงินเอง

ทั้งนี้วัคซีนโควิด-19 โมเดอร์นา เป็นวัคซีนโควิด-19 ตัวที่ 4 ที่ผ่านการขึ้นทะเบียนจาก อย. ต่อจาก ซิโนแวค แอสตราเซนเนกา และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ทำให้ขณะนี้มีวัคซีน สปุตนิกวี และ บารัต อยู่ระหว่างการพิจารณา รอผ่านการขึ้นทะเบียน ส่วนไฟเซอร์ และ ซิโนฟาร์ม ยังไม่ได้ยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียน

ด้าน นายแพทย์ วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม เผยว่า การจัดหาวัคซีนทางเลือกให้โรงพยาบาลเอกชน ไม่ใช้วัคซีนตัวเดียวกับภาครัฐ โดยวัคซีนโมเดอร์นา ก็อยู่ระหว่างพิจารณานำเข้าไทยได้เร็วเพียงใด ขณะที่ วัคซีนซิโนฟาร์ม ยังไม่มีการยื่นขึ้นทะเบียนกับอย.ไทย เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้ตัวแทนผู้ทรงสิทธิที่แท้จริง ที่จะได้รับข้อมูลรายละเอียดจากบริษัทผู้ผลิตให้ยื่นขึ้นทะเบียน และบริษัท บารัต ที่ยื่นขึ้นทะเบียน แล้วก็อยู่ระหว่างการพิจารณา

สำหรับแผนนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ของไทย ขณะนี้มีวัคซีน เข้ามาและกระจายสู่จังหวัดต่าง ๆ แล้ว 3.617 ล้านโดส  แบ่งเป็นซิโนแวค 3.5 ล้านโดส  และแอสตราเซนเนกา 117,000 โดส

โดยวัคซีนล็อตสำคัญ เป็นวัคซีนหลักของไทย คือ แอสตราเซนเนกา จำนวน 61 ล้านโดส จะทยอยส่งมอบให้กระทรวงสาธารณสุขได้เดือนมิถุนายน เป็นต้นไป เดือนละ 5-10 ล้านโดส คาดว่าเดือนกรกฎาคม ทุกจังหวัดสามารถปรับแผนให้บริการประชาชนที่ต้องใช้บริการฉีดวัคซีนแบบวอล์กอินในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น