ถอดบทเรียนการจัดหาวัคซีน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ [เจาะเกาะติด]

ประเด็นเด็ด 7 สี - ทางออกเดียวในการลดการแพร่ระบาดและความรุนแรงของโรคโควิด-19 นั้นคือการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แต่การจะสร้างภูมิคุ้มได้นั้นคือ ต้องได้รับการฉีดวัคซีน รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปีนี้จะต้องฉีดได้ 100 ล้านโดส แต่ที่ผ่านมามีทั้งโรคเลื่อน โรคเท ปัญหา ข้อผิดพลาดในการสรรหาวัคซีนอยู่ตรงจุดไหน ไปติดตามกับคุณรัตนกรณ์ โต๊ะหมัด

ช่อง 7HD ย้อนไปดูข้อมูลการสรรหาวัคซีนของรัฐบาล ภายใต้การนำทัพที่ผูกชีวิตคนทั้งประเทศไว้ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี งบประมาณจัดซื้อวัคซีนของรัฐบาล ไม่รวมค่าบริหารจัดการวงเงิน 22,266 ล้านบาท

ครม.อนุมัติให้จัดซื้อ 4 ครั้ง รวมใช้งบประมาณจัดซื้อวัคซีนสองชนิดจากงบกลาง ปีงบประมาณปี 2564 วงเงิน 15,828.08 ล้านบาท จากข้อมูลนี้มีคำถามตามมาทันที ทำไมทอดเวลานานเกือบสองเดือนกว่าจะอนุมัติเงิน ทั้งที่ นายกรัฐมนตรีลงนามจัดหาวัคซีนแอสตราเซนเนกา 26 ล้านโดส ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนปีที่แล้ว หรือเป็นเพราะย่ามใจกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่มีแค่ 19 คนในวันนั้น

ข้อมูลที่เรารวบรวมไว้ สอดคล้องกับเอกสารลับ ที่สำนักข่าวอิศรานำมาเปิดเผย ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไทยแจ้งขอรับวัคซีนโควิดแอสตราเซนเนกา ครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 จำนวน 26 ล้านโดส ต้องการส่งมอบเพียงแค่ 3 ล้านโดสต่อเดือน ครั้งที่ 2 วันที่ 21 พฤษภาคม 2564 35 ล้านโดส ซึ่งเป็นการแจ้งช้าที่สุดในอาเซียน ปัจจุบันแอสตราเซนเนกา ส่งมอบให้ถึงเดือนละ 5 ล้านโดส มากกว่าที่ตกลงไว้เกือบเท่าตัว ร้อนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องรีบออกมาแก้ต่าง

ปัญหาความล่าช้าไม่แน่นอน ทำประชาชนหมดหวัง สั่นคลอนศรัทธาที่มีต่อรัฐบาล แถมยังมีคำถาม ทำไมจัดซื้อซิโนแวคต่อเนื่อง ทั้งที่มีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ และราคาที่แพงกว่า ท่ามกลางการเมาหมัด จัดหาวัคซีนไม่ทันของรัฐบาล ทำให้ถูกทวงถามความรับผิดชอบ กระแสกดดันพุ่งตรงไปที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จนเจ้าตัวเตรียมออกคำสั่งจัดทำร่างประกาศกระทรวง กำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีน เพื่อบีบให้แอสตราเซนเนกา ซึ่งมีฐานผลิตในไทย ต้องส่งมอบวัคซีนให้ไทยก่อน แต่ถูกหลายฝ่ายค้าน เพราะกระทบประเทศอื่นที่มีความต้องการไม่ต่างกัน พร้อมย้อนถาม ตอนมีให้สั่งทำไมไม่ยอมทำ

สส.สองพรรคปกป้องนายตัวเอง แล้วใครปกป้องประชาชน หรือว่าสุดท้ายชีวิตของคนไทย หนีไม่พ้นเกมการเมือง แทนที่จะร่วมใจทำงานฟันฝ่าอุปสรรค กลับโยนบาปไปมา ทั้งที่ในฐานะผู้ปกครอง ครม.ทั้งคณะควรร่วมกันรับทั้งผิดและชอบ

ด้านนายสิระ เจนจาคะ สส.พรรคพลังประชารัฐ ซ้อมตายลงไปนอนในโลงศพ สะท้อนภาพประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ ทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน มีคนไทยจำนวนมากนอนรอความตายอยู่ที่บ้าน

ในวันที่คนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่มีโอกาสได้รับวัคซีนเข็มแรก จนถึงขณะนี้ยังไม่รู้การฉีดวัคซีนไขว้ชนิดจะเริ่มได้เมื่อไหร่ จะฉีดวัคซีนเข็มสามให้บุคลากรทางการแพทย์ตอนไหน ส่วนคนทั่วไปคงต้องกำตังค์ให้แน่น เพราะเข็มสามยังไม่มีคำว่า ฟรี ส่วนผลข้างเคียงก็ยังยากที่จะประเมิน

ยอดผู้ติดเชื้อทะลุหมื่นติดต่อกัน ผู้ป่วยหนักล้นห้องไอซียู ห้องฉุกเฉินหลายโรงพยาบาลถูกปิดชั่วคราว เพราะรับมือไม่ไหว ผู้ติดเชื้อรอเตียงอย่างสิ้นหวัง ทุกการตัดสินใจของรัฐบาล มีชีวิตประชาชนผูกติดอยู่ พลาดแล้วต้องแก้ไข ไม่ใช่แก้ตัว เพราะความไว้วางใจเมื่อสูญสลายไปแล้ว ยากที่จะเรียกคืน