เตรียมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด คุมการระบาดโรคโควิด-19 จ.ยะลา

เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สั่งการบังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคติดต่ออย่างเข้มงวด หวังคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้ได้ ขณะที่ จังหวัดปัตตานี เพียงแค่ 7 วัน ติดเชื้อเกือบ 3,000 คนแล้ว

เตรียมบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด คุมการระบาดโรคโควิด-19 จ.ยะลา
โดยเมื่อวานนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่จังหวัดยะลา พุ่งสูงถึง 741 คน รวมสะสม 27,024 คน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 5 คน ขณะที่ยังมีผู้ป่วยที่รักษาตัวในโรงพยาบาลมากถึง 6,246 คน

นายภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา พร้อมด้วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และรองผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดยะลา ร่วมกันแถลงข่าวถึงแนวทางที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดขณะนี้ คล้าย ๆ กับที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยหลังจากที่มีคำสั่งคลายล็อกมาตรการต่าง ๆ ทำให้มีการแพร่ระบาดและมีการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น โดยการติดเชื้อนั้นพบว่ามีการแพร่กระจายเป็นกลุ่ม พบการติดเชื้อกันภายในครอบครัว ซึ่งก็เกิดจากการที่ประชานการ์ดตก และไม่ระมัดระวังตัว เพราะเห็นว่ามีผู้ได้รับวัคซีนเยอะแล้ว แต่ขณะที่ในกลุ่มเปราะบางบางกลุ่มก็ยังไม่ได้รับวัคซีน จึงทำให้มีผู้เสียชีวิตสูงเช่นกัน

ขณะที่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา กล่าวว่า หากจังหวัดยะลายังไม่ทำอะไรเลย การติดเชื้ออาจพุ่งสูงถึง 20,000 คนต่อวัน โดยการติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นการเชื่อมโยงจากการติดเชื้อในลักษณะเดิม คือ การติดเชื้อในบ้าน และชุมชนเชื่อมโยงไปที่ทำงาน สถานประกอบการ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญ คือ การจัดกิจกรรมรวมกลุ่ม เช่น งานแต่งงาน งานเลี้ยง ภายหลังการผ่อนคลายมาตรการ จึงทำให้เกิดการสัมผัสมากขึ้น และการติดเชื้อที่พบส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ จึงแพร่เชื้อให้ผู้อื่นและบุคคลในครอบครัวได้

โดยมาตรการเชิงรุกในขณะนี้จำเป็นต้องให้ทุกหน่วยราชการ และองค์กรในพื้นที่ จัดทำแผนเผชิญเหตุ รองรับการระบาดของโรค รวมถึงปิดพื้นที่เสี่ยงที่พบจำนวนผู้ป่วยสูง เร่งรัดการฉีดวัคซีนให้ครอบคลุม 70 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ทั้งยังต้องกวดขันรานอาหาร ร้านน้ำชา หากพบกระทำผิดต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ส่วนเตียงผู้ป่วยตามโรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามทั้งจังหวัด มีเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งหมด 3,540 เตียง ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยที่ใช้เตียงทั้งหมด 3,332 คน หรือคิดเป็น 94 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็ใกล้เต็มแล้ว และเมื่อวานนี้มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 700 คน ทำให้เตียงไม่พอ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา จึงสั่งการให้แต่ละอำเภอจัดตั้งศูนย์พักคอยประจำอำเภอ ประมาณ 4,000 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น และขอให้ชาวยะลา ยกการ์ดป้องกันตัวเองให้สูงสุด เพื่อช่วยกันลดจำนวนผู้ติดเชื้อลงให้ได้ภายใน 1 เดือน

ที่อำเภอเบตง นับตั้งแต่พบว่ามีการติดเชื้อในตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จนกระทั่งมีการสั่งปิดตลาดเป็นการชั่วคราว เมื่อวานนี้มีการทำความสะอาดล้างตลาด และฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคจนทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า เมื่อวานนี้ อำเภอเบตง พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 93 คน นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุด นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

จ.ปัตตานี พบผู้ติดเชื้อพุ่งพรวด เกือบ 3,000 คน ใน 7 วัน
ที่จังหวัดปัตตานี ก็หนักไม่แพ้กัน ล่าสุดเมื่อวานนี้ (7 ต.ค.) พบตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึง 414 คน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 1 จนถึงวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งไปเกือบ 2,832 คน ถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดยผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ต่างได้รับเชื้อจากการร่วมกลุ่มทำกิจกรรม การเดินตลาด และการไปนั่งร้านอาหารบุฟเฟต์ หรือร้านเนื้อย่างกระทะ และงานเลี้ยงส่งการโยกย้าย ซึ่งพบว่าหลายคนไม่สวมหน้ากากอนามัย และไม่เว้นระยะห่างทางสังคม ก่อนนำเชื้อไปแพร่คนในครอบครัวและชุมชน

ชุมชนจือแรนีบง เขตเทศบาลเมืองปัตตานี ก่อนหน้านี้ก็พบผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่มาจากคลัสเตอร์โรงงาน จากนั้นสถานการณ์ดีขึ้น ทุกคนรักษาหาย กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ กระทั่งล่าสุดชุมชนดังกล่าวกลับมารุนแรงอีกครั้ง สาเหตุเพราะไปรับเชื้อมาจากที่อื่น และมาแพร่ให้กับคนในชุมชนและครอบครัว ทำให้ทีมงาน อสม. ต้องทำงานอย่างหนัก ตระเวนพื้นที่ไปเคาะประตูบ้าน นำเจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนมัยไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน พร้อมประกาศเตือนด้วยว่าให้ทุกคนระวัง และหากไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกบ้าน

และเมื่อไปตรวจสอบจำนวนเตียงสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ของโรงพยาบาลหลัก และโรงพยาบาลสนามทั้งหมด พบว่าเตียงของโรงพยาบาลหลักในขณะนี้น่าเป็นห่วง เพราะมีเตียงว่างเพียงแค่ 185 เตียงเท่านั้น จากเตียงที่มีอยู่ทั้งหมด 1,490 เตียง ส่วนเตียงในโรงพยาบาลสนาม มีเตียงทั้งสิ้น 2,612 เตียง มีผู้ป่วยครองเตียงแล้ว 1,658 เตียง ยังคงเหลือเตียงว่าอีกเพียง 954 เตียง ซึ่งก็ถือว่าน่าเป็นห่วง