ระดมฉีดวัคซีน หยุดแพร่เชื้อชายแดนใต้

ข่าวภาคค่ำ - รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตั้งเป้าเดือนตุลาคมนี้ จะต้องได้วัคซีน 70 เปอร์เซ็นต์

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยระบุว่าช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ติดเชื้อในภาคใต้พุ่งสูงประมาณวันละ 2,000 คน โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดนใต้

ส่วนการฉีดวัคซีนในพื้นที่ 4 จังหวัด ขณะนี้ได้วัคซีนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนประชากร แต่เป้าหมายคือ 70 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะต้องทำให้ได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะทยอยส่งวัคซีนมาให้ครบ 1 ล้านโดส จากนั้นจะเร่งฉีด โดยให้โรงพยาบาลหาดใหญ่ ประสานกับแต่ละพื้นที่ ส่วนกองทัพภาคที่ 4 จะสนับสนุนการตั้งโรงพยาบาลสนามด้วย

ขณะที่ โรงพยาบาลยะลา เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนไฟเซอร์ เข็มแรก 4 จุด เพื่อกระจายให้ทั่วเขตเมือง ซึ่งพบผู้ติดเชื้อมากที่สุด โดยจะให้บริการกับประชาชนอายุ 12 ขวบขึ้นไป และไม่เคยได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน เพื่อหยุดการแพร่เชื้อ ส่วนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นทุกวัน ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องเตียงรองรับ จึงเร่งขยายตั้งโรงพยาบาลสนามให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

เช่นเดียวกับที่จังหวัดปัตตานี ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังไม่มีท่าทีว่าจะลดลง แม้ว่าจะบังคับใช้มาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี จึงเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทุกกลุ่มให้เป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งจะต้องครอบคลุม 50 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด ภายในสัปดาห์นี้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทั้งในชุมชนและหมู่บ้าน

สำหรับ 10 จังหวัด ติดเชื้อสูงสุดวันนี้ อันดับ 1 ยังคงเป็น กรุงเทพมหานคร 1,095 คน อันดับ 2 จังหวัดยะลา 785 คน ซึ่งสูงสุดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนจังหวัดสงขลา นราธิวาส นครศรีธรรมราช ปัตตานี ก็ติดอันดับด้วย และยังคงน่าเป็นห่วง