ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ลูกค้าบัตรเครดิตโวยเงินหาย แบงก์ชาติ-สมาคมธนาคารฯ แจงวุ่น

เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้เสียหายโพสต์แฉบัตรเครดิต-บัตรเดบิต ธนาคารดัง ถูกดูดเงินจากบัญชีหลายร้อยรายการ ขณะที่ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารฯ เรียกประชุมด่วน ก่อนชี้แจงว่าไม่ใช่เกิดการรั่วไหล แต่เป็นการชำระสินค้า-ร้านค้าออนไลน์

โดยเมื่อวานนี้ เรื่องดังกล่าวกลายเป็นที่ฮือฮาและพูดคุยกันอย่างแพร่หลายในโซเชียล เนื่องจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กคนหนึ่งไปโพสต์ในกลุ่มเฟซบุ๊ก "แชร์ประสบการณ์โดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว" โดยมีการระบุข้อข้อความว่า "ผมโดนไป 250 กว่ารายการ ในช่วงปลายเดือนกันยายนและต้นเดือนตุลาคม รูดผ่านบัตรเดบิต รวมเงินที่หายไปจากบัญชีประมาณ 13,000 กว่าบาท (มันคือบัญชีเงินเดือนซะด้วย จะเปลี่ยนก็ไม่ได้) รูดถี่ ๆ 2-3 นาที รูดทีไม่มีการแจ้งเตือนไม่ว่าจะเป็น SMS หรือ E-mail ทั้งนี้บัตรเดบิตไม่เคยผูกกับแอปฯ ใด ๆ เลยยิ่งงงเป็นไก่ตาแตก พอทราบได้รีบอายัติบัตรเดบิต เท่าที่คุยกับเจ้าหน้าที่บัญชีที่ทำรายการดูเหมือนจะเป็นค่ายเกมออนไลน์ และรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตอบกลับ หรือ E-mail กลับ

ทั้งนี้นอกเหนือจากโทรเข้าธนาคาร ผมยังแจ้งอีกช่องทางก็คือทางเว็บไซต์ ณ เวลานี้ ยกเลิกหมด ทั้งบัตรเดบิต อายัติแต่ยังไม่ได้ไปยกเลิกที่ธนาคาร อย่าลืมไปยกเลิกที่ธนาคารด้วย เพราะค่าธรรมเนียมจะเรียกเก็บอยู่"

หลังเกิดเรื่องดังกล่าว ปรากฎว่า ช่วงค่ำเมื่อวานนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ชี้แจงกรณีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก โดยระบุใจความสำคัญว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ได้รับทราบปัญหาและตรวจสอบพบว่าไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลจากธนาคาร แต่เป็นรายการที่เกิดจากการทำธุรกรรมชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าออนไลน์ที่จดทะเบียนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และไม่ใช่แอปฯ ดูดเงินตามที่ปรากฏเป็นข่าว

ขณะนี้ธนาคารเจ้าของบัตรดำเนินการระงับการใช้บัตรของลูกค้าที่มีรายการผิดปกติและติดต่อลูกค้า รวมทั้งอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบร้านค้าที่มีธุรกรรมที่ผิดปกติเหล่านี้

นอกจากนี้ ลูกค้าที่ตรวจสอบพบความผิดปกติของรายการธุรกรรม ติดต่อคอลเซ็นเตอร์หรือสาขาของธนาคารผู้ออกบัตร เพื่อแจ้งตรวจสอบ โดยธนาคารจะเร่งแก้ไขปัญหา และเร่งคืนเงินให้ลูกค้าที่ได้รับความเสียหายตามขั้นตอนโดยเร็ว

ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สมาคมธนาคารไทย ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยการทำธุรกรรมทางการเงิน และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า โดยธนาคารพาณิชย์มีระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยและมีการตรวจสอบการทำธุรกรรมที่ผิดปกติต่อเนื่อง เมื่อพบรายการที่ผิดปกติ ธนาคารจะแจ้งลูกค้าเพื่อตรวจสอบและยืนยันรายการธุรกรรม และพร้อมจะดูแลลูกค้าด้วยความรับผิดชอบเสมอ

ด้าน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ออกข่าวตำรวจ โดยระบุถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แนะนำให้ผู้เสียหายแจ้งไปยังธนาคารเพื่อทำการอายัดบัตร และปฏิเสธการชำระเงินค่าบริการทางออนไลน์ และทำการตรวจสอบรายการเดินบัญชี รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง และแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในทุกพื้นที่ใกล้บ้าน เพื่อทำการสืบสวนพิสูจน์ทราบถึงตัวผู้กระทำความผิด และนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ซึ่งการกระทำดังกล่าวนอกจากเป็นซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนแล้ว ยังเข้าข่ายความผิดผู้ใดใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark