ผู้ปกครองบุกศูนย์ฯฝึก ขอความชัดเจน หลังเกิดคลัสเตอร์นักเรียนนายสิบตำรวจ

เช้านี้ที่หมอชิต - หลังตรวจพบคลัสเตอร์นักเรียนนายสิบตำรวจ ในศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วกว่า 202 คน ล่าสุดมีผู้ปกครองของนักเรียนนายสิบหลายคน เดินทางเข้ามาสอบถามอาการ และขอความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการรักษา ขณะที่บางรายสมัครใจที่จะนำบุตรหลานออกไปรักษาเอง

ผู้ปกครองของนักเรียนนายสิบตำรวจ ทยอยเดินทางกันมาที่หน้าศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อขอทราบอาการและความเป็นอยู่ของบุตรหลานด้วยความเป็นห่วง หลังทราบว่ามีคลัสเตอร์เกิดขึ้นภายในศูนย์ฝึก โดยมี พลตำรวจตรี ปรีดา อิ่มเจริญ ผู้บังคับการศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 7 นายแพทย์พิสุทธิ์ คงขำ รองนายแพทย์สาธารณสุข จังหวัดราชบุรี และ นายแพทย์ประเสริฐ ฉัตรวิชชานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากท่อ จังหวัดราชบุรี เข้ามาให้ข้อมูล แต่บรรดาผู้ปกครองของนักเรียนนายสิบตำรวจ ต่างมีความรู้สึกไม่พอใจกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ภายในศูนย์ฝึกฯ ที่ไม่ได้ให้ข้อมูลเรื่องของอาการป่วย และความเป็นอยู่ของบุตรหลาน รวมทั้งบางส่วนมีความประสงค์ที่รับบุตรหลานไปดูแลรักษาและกักตัวเอง โดยให้เหตุผลว่าที่ผ่านมาไม่สามารถติดต่อกับบุตรหลานนานกว่า 5 เดือน และเกรงว่าหากยังปล่อยให้บุตรหลานอยู่รวมกันภายในศูนย์ฝึกต่อไป ก็อาจจะติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด

ด้าน นายแพทย์ประเสริฐ ฉัตรวิชชานนท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากท่อ ระบุว่าจากการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมด 202 คน ส่วนใหญ่มีอาการที่ไม่รุนแรง และมีผู้ป่วยที่ต้องแอดมิดทั้งหมด 9 คน มีอาการเป็นไข้ หายใจลำบาก แน่นหน้าอก แต่ระดับออกซิเจนในเลือดยังอยู่ในระดับที่ดี ส่วนประเด็นที่นักเรียนนายสิบส่วนใหญ่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม แต่ยังได้รับเชื้อ คุณหมอบอกว่ามีโอกาสที่จะติดเชื้อได้อยู่แล้ว เนื่องจากเป็นกระบวนการทางธรรมชาติของโรคนี้ และที่มาของเชื้อนั้นตอนนี้อยู่ในกระบวนการสอบสวนโรค ส่วนการที่จะนำตัวนักเรียนไปรักษาเอง คุณหมอให้เหตุผลกับผู้ปกครอง ขอให้ชั่งน้ำหนักให้ดี เพราะเมื่อนำตัวนักเรียนออกมาไปข้างนอก อาจจะนำเชื้อไปแพร่ต่อสู่บุคคลอื่นได้ 

ด้านผู้ปกครองของนักเรียนนายสิบตำรวจ กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ปกครองอยากจะมาเรียกร้องและขอความชัดเจนกับทางศูนย์ฝึกฯ ว่าได้มีการแยกผู้ป่วยที่ติดเชื้อและผู้ป่วยที่ไม่ติดเชื้อออกจากกันอย่างไร อีกทั้งที่ต้องการนำตัวไปดูแลรักษาเอง ก็เพื่อจะได้แบ่งเบาภาระให้กับครูฝึก และบางคนก็เป็นห่วงว่าลูกของตนเองที่ยังไม่ติดเชื้อ หากอยู่ร่วมกันนาน ๆ อาจจะเป็นผู้ติดเชื้อได้ แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากศูนย์ฝึกและยังไม่สามารถติดต่อลูกโดยตรงได้