ก.ยุติธรรม ส่ง DSI ตรวจสอบ บริษัทถูกกล่าวหาหลอกขายบ้านติดจำนอง
เจาะประเด็นข่าว 7HD - กระทรวงยุติธรรม ประสาน ดีเอสไอ ให้ตรวจสอบกรณีบริษัทที่ถูกผู้เสียหายร้องเรียนหลอกขายบ้านติดจำนอง รวมมูลค่าความเสียหายแล้วกว่า 33 ล้านบาท ขณะที่วันนี้ผู้เสียหายยื่นหนังสือขอให้สภาองค์กรของผู้บริโภคช่วยเหลือคดีทางแพ่ง
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรผู้บริโภค เป็นตัวแทนรับเรื่องร้องเรียนจากผู้เสียหาย ที่ซื้อบ้านของบริษัท อีซี่โฮม ประเทศไทย จำกัด เพื่อขอให้ช่วยเหลือคดีแพ่ง โดยเป็นเจ้าของบ้านเดิมที่ถูกบริษัทให้ซื้อบ้านของตัวเอง หลังบ้านถูกธนาคารยึดและบริษัทไปประมูลต่อมาจากธนาคาร และเจ้าของบ้านรายใหม่ที่ซื้อผ่อนบ้านที่บริษัทไปประมูลมา แต่บริษัทไม่ได้ไปจ่ายหนี้ที่ติดจำนอง ทำให้บ้านถูกธนาคารยื่นฟ้อง ติดหมายยึด และนำมาขายทอดตลาด มีผู้เสียหาย 47 ราย รวมมูลค่ากว่า 33 ล้านบาท
ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภค ตรวจสอบเบื้องต้น เชื่อว่าบริษัทดังกล่าวอาจไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อประกอบธุรกิจอย่างจริงจัง แต่อาศัยช่องว่างของกฎหมายทำธุรกรรมหาประโยชน์จากผู้เสียหาย เช่น การจดทะเบียนก่อตั้ง ตั้งแต่ปี 2561 แต่ส่งงบการเงินเพียง 1 ปี ซึ่งปกติหากไม่ส่งงบการเงิน 2 ปี จะถือเป็นบริษัทร้าง หรือไม่ประกอบธุรกิจ มีโทษปรับทางอาญาด้วย อีกจุด คือ บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท แต่ไปประมูลซื้อทรัพย์จำนวนมาก แต่ละแห่งราคาเกิน 1 ล้านบาท แสดงว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะซื้อทรัพย์ เพื่อปลดจำนองโดยแท้จริง รวมถึงการใช้ช่องทางกฎหมายที่ไปประมูลทรัพย์ได้แล้วไม่ไปปิดหนี้จำนอง จนเป็นต้นเหตุให้ธนาคารไปตามยึดบ้านของผู้กำลังผ่อนชำระ
อีกทั้งพบ 1 ในกรรมการบริษัท มีชื่อเป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งขัดต่อระเบียบที่ห้ามข้าราชการไปเป็นกรรมการในบริษัทเอกชนด้วย
ขณะที่ ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 7HD ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายนิติกร กรมบังคับคดี ตรวจสอบข้อกฎหมายว่าจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไร ซึ่งรวมถึงดูหลักเกณฑ์ว่าต้องโอนให้สำเร็จก่อนนำไปขายต่อ เพื่อป้องกันใช้ช่องว่างกฎหมายหาประโยชน์ พร้อมประสานกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ตรวจสอบคดีนี้ว่าการกระทำของบริษัทเข้าข่ายการกระทำความผิดหลอกขาย หรือฉ้อโกงหรือไม่
ทั้งนี้ ฝากเตือนไปยังผู้บริโภคให้ระมัดระวังพฤติกรรมการเชิญชวนให้ซื้อทรัพย์ที่ได้มาจากการขายทอดตลาดที่ติดจำนอง ก่อนทำสัญญาควรตรวจสอบก่อนว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท คู่สัญญา หรือได้มีการปิดยอดหนี้จำนองเรียบร้อยแล้วหรือไม่
