ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ชายยิงขู่ฟาร์มขายหมูแจง หมูราคาแพงก็ซื้อ แต่เจ้าของกลั่นแกล้งไม่ยอมขายให้

เช้านี้ที่หมอชิต - กรณีชายอายุ 67 ปี ถือปืนบุกฟาร์มจำหน่ายหมูป่า ก่อนกราดยิงขู่คนงาน เหตุเพราะขายหมูให้แพง ผู้ก่อเหตุออกมาพูด เหมือนหนังคนละม้วน อ้างราคาเท่าไหร่ก็ยอมซื้อ แต่ทางฟาร์มไม่ขายให้ ทั้งที่เคยช่วยดูแลฟาร์มให้ตลอด กลับไม่สำนึกบุญคุณ

ความคืบหน้ากรณีคนงานในฟาร์มขายหมูป่า พื้นที่อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น บันทึกคลิปวิดีโอ ขณะที่ นายไหม พรมเมืองขวา อายุ 67 ปี ถือปืนบุกเข้ามายิงขู่คนงาน สาเหตุเพราะไม่พอใจที่สั่งซื้อหมูแล้วไม่ได้รับของตามที่สั่ง ก่อนหน้านี้เจ้าของฟาร์มออกมาระบุว่า นายไหมสั่งซื้อหมูป่าผ่านภรรยา ซึ่งเป็นคนงานในฟาร์ม โดยขอหมูไซซ์ใหญ่ราคาตัวละ 1,300 บาท เพราะเคยได้ราคานี้ประจำ แต่เนื่องจากช่วงปีใหม่หมูแพงขึ้น ทำให้ไม่ได้หมูตามราคาที่ต้องการ จนบานปลายถึงขั้นชักปืนยิงขู่คนงาน

ทีมข่าวลงพื้นที่ไปสอบถามผู้ก่อเหตุ เจ้าตัวยอมรับว่าก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้ตั้งใจ พร้อมกับเล่าย้อนไปว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นคนดูแลฟาร์มดังกล่าวมานาน 8 ปี ส่วนภรรยาก็เป็นพี่สาวของเจ้าของฟาร์ม ที่ผ่านมาช่วยเหลือมาตลอด เคยได้ค่าแรงวันละ 100 บาท ก็ยอมเพราะถือว่าเป็นญาติกัน แต่หลังจากที่เจ้าของฟาร์มกลับมาดูแลเอง เขาก็ออกจากฟาร์ม ส่วนภรรยายังทำงานต่อที่ฟาร์มอยู่เรื่อยมา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาได้สั่งซื้อหมูผ่านภรรยาไปตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม และนัดรับวันที่ 28 ธันวาคม โดยหมูที่สั่งทั้งหมดรวม 2 ตัว เป็นของตนเอง 1 ตัว และเพื่อนฝากสั่งอีก 1 ตัว แต่ภายหลังหมูราคาสูงขึ้น เพื่อนที่ฝากสั่งขอยกเลิก ส่วนตนเองยังยืนยันจะรับหมูเหมือนเดิม แต่พอถึงเวลานัดรับกลับถูกปฏิเสธ อ้างว่ามีออเดอร์เต็มหมดแล้ว เพื่อนที่นัดมากินเนื้อหมูป่า ตั้งใจจะสังสรรค์ในช่วงปีใหม่ต่างก็รอเก้อ ซ้ำยังพูดเยาะเย้ยอีกว่า น้องภรรยาเป็นถึงเจ้าของฟาร์ม แถมยังเคยดูแลฟาร์ม ก็ยังซื้อหมูไม่ได้ เขาจึงเชื่อว่าเจ้าของฟาร์มกลั่นแกล้ง ต้องการหักหน้าตนเอง เพราะนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ถูกทำแบบนี้ และยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่สร้างความกดดันให้เรื่อยมา จนเกิดความโมโห บุกไปก่อเหตุดังกล่าว แต่ยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะยิงคนงานแน่นอน

นายไหมยังบอกอีกว่า ตนเองไม่ได้เป็นผู้มีอิทธิพลตามที่อีกกล่าวอ้าง ส่วนคนงานในฟาร์มที่มีการแจ้งความกับตำรวจ เรียกเงินค่าเยียวยาและค่าทำขวัญ 300,000 บาท มองว่าเป็นจำนวนเงินมากเกินไป ตนเองก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น อยากจะให้อีกฝ่ายนึกถึงบุญคุณที่เคยช่วยเหลือกันบ้าง หากยอมจบ ไม่เอาเรื่อง ก็ยังสามารถคุยกันเป็นเครือญาติกันเหมือนเดิม แต่ถ้ายังยืนกรานจะเอาเรื่องอยู่ ตนเองก็คงต้องยอมติดคุก แต่จะไปแจ้งความเรื่องที่อีกฝ่ายทำผิดกฏหมาย เรื่องการสร้างบ้านในที่ป่าสงวนด้วยเช่นกัน

เช่นเดียวกับ นางวาสนา โพธิจันนา ภรรยาของผู้ก่อเหตุ และเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของเจ้าของฟาร์ม ยืนยันว่าสาเหตุนั้นเกิดจากความกดดันหลายอย่าง ทั้งเรื่องน้อยใจที่น้องชายลืมบุญคุณ แม้แต่หมูตัวเดียวก็ขายให้ไม่ได้ ทั้งที่เคยช่วยงานมาตลอด 8 ปี ไม่เคยเบียดเบียนน้อง มีแต่ช่วยเหลือสนับสนุนส่งเสริม แต่กลับมาถูกกลั่นแกล้ง ทำให้สามีฟิวส์ขาด เพราะโดยปกติสามีไม่เคยมีพฤติกรรมโหดร้ายตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง ซึ่งเรื่องนี้ชาวบ้านก็ต่างรู้ดี

ขณะที่ นายวิทยา โพธิ์จันนา เจ้าของฟาร์ม ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง เพราะวันเกิดเหตุเขาไม่ได้อยู่ที่ฟาร์ม มีลูกจ้างอีกคนที่ดูแลอยู่ แต่เพราะผู้ก่อเหตุไม่ได้สั่งซื้อหมูกับคนดูแลโดยตรง ทำให้ออเดอร์ตกหล่น ส่วนเรื่องบุญคุณที่อีกฝ่ายทวง ตนเองถือว่าที่ผ่านมาก็จ้างทำงานให้ค่าจ้าง ดูแลความเป็นอยู่ ซ้ำยังซื้อของอาหารทะเลส่งมาให้กินตลอด ไม่ได้ให้ทำงานฟรี ๆ จะนำเรื่องนี้มาอ้างก็ไม่ถูก ส่วนเรื่องที่มีการเรียกร้องเงินเยียวยาค่าทำขวัญ เรื่องนี้สามารถคุยกันได้ หากผู้ก่อเหตุสำนึกผิดจริง ไม่ใช่มาข่มขู่แบบนี้

ส่วนความคืบหน้าทางคดี พันตำรวจเอก ไพโรจน์ ไตรธรรม ผู้กำกับ สภ.ภูเวียง เปิดเผยว่า พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมกับสอบปากคำผู้เสียหายและพยานไปจนเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนี้จะเรียกผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำ ก่อนแจ้ง 6 ข้อกล่าวหา เกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark