ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

กระเป๋าฉีก น้ำดื่ม-ข้าวถุง ทยอยขึ้นราคา 10-20%

เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้ประกอบการสินค้าทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด และข้าวสารบรรจุถุง บอกไปต่อไม่ไหวจริง ๆ ต้นทุนพุ่งไม่หยุด จำใจปรับขึ้นราคาตั้งแต่ 10-20%

นางสาวจิรา ภูกลิ่นสุคนธ์ เลขาธิการชมรมน้ำดื่มแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ราคาน้ำดื่มบรรจุขวดเริ่มปรับราคาขึ้นแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยปรับเพิ่มจากราคาเดิม 10-20% โดยก่อนหน้านี้ผู้ผลิตพยายามตรึงราคาไว้ตั้งแต่ช่วงแรกของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ต้นทุนการผลิตทั้งเม็ดพลาสติกสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์และสำหรับแพ็กโหล ซึ่งคิดเป็น 50-60% ของต้นทุนการผลิตน้ำดื่ม รวมถึงค่าขนส่งที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องตามราคาน้ำมัน ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคา เนื่องจากแบกรับต้นทุนไม่ไหว การปรับขึ้นราคาแต่ละครั้งผู้ผลิตพยายามตรึงราคาขายเดิมจนสุดความสามารถแล้ว เนื่องจากตลาดน้ำดื่มการแข่งขันสูง ผู้บริโภคมีตัวเลือกอื่น เช่น หันไปบริโภคน้ำดื่มจากเครื่องกรองน้ำ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องการปรับขึ้นราคา

เช่นเดียวกับ นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย กล่าวว่า จำเป็นต้องทยอยปรับขึ้นราคาข้าวถุง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้น ทั้งราคาข้าวสาร, ราคาบรรจุภัณฑ์ และค่าขนส่ง โดยคาดว่า ข้าวหอมมะลิ จะเป็นข้าวรายการแรกที่ปรับขึ้นราคาก่อน เนื่องจากขณะนี้ต้นทุนขยับขึ้นประมาณ 20-30% ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 เดือน ถือว่าสูงกว่าข้าวชนิดอื่น ๆ ซึ่งการปรับราคาจะไม่เกิดขึ้นโดยตรง แต่จะเป็นการทยอยปรับลดการส่งเสริมการขาย หรือ ลดโพรโมชันลง ซึ่งขึ้นอยู่กับสินค้าของแต่ละบริษัท โดยประชาชนจะเริ่มรู้สึกว่าราคาข้าวถุงเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ เนื่องจากเป็นช่วงที่ข้าวหลาย ๆ บริษัท เริ่มสิ้นสุดระยะเวลาการจัดโพรโมชัน

จากการสำรวจการจำหน่ายข้าวถุงตามห้างค้าส่ง ค้าปลีกขนาดใหญ่ พบว่าเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงราคา ข้าวถุงบางบริษัทปรับราคาขึ้นจากเดิม 10-20% ซึ่งผู้ประกอบการยืนยันว่าการปรับราคายังต่ำกว่าเพดานต้นทุน ส่วนลูกค้าเริ่มเบนเข็มหันไปซื้อข้าวถุงราคาถูก หรือข้าวไม่มีตราสินค้ามากขึ้น ขณะที่พฤติกรรมการบริโภคข้าวของคนไทยเริ่มลดลง ทั้งนี้ตลาดข้าวถุงแต่ละปีมีมูลค่าประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณราว 10 ล้านตันต่อปี

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark