ตัวเลขผู้เสียชีวิต เหตุกราดยิงกลาง รร.ในสหรัฐฯ สูงสุดในรอบปี : ประเด็นเด็ดรอบโลก World in Review
ประเด็นเด็ด 7 สี - เหตุกราดยิงที่โรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 21 คน นับเป็นเหตุสะเทือนขวัญของคนทั่วโลก ไปฟังการวิเคราะห์ พฤติกรรมกราดยิงต่อเนื่อง ของมือปืนกัน ในประเด็นเด็ดรอบโลกกับคุณบัวบูชา ปุณณนันท์
ตัวเลขผู้เสียชีวิต เหตุกราดยิงกลาง รร.ในสหรัฐฯ สูงสุดในรอบปี
ไม่พูดถึงเรื่องเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมศึกษาที่รัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ไม่ได้ เพราะตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์กราดยิงที่โรงเรียนประถมศึกษา รัฐเทกซัสครั้งนี้ ทำลายสถิติสูงสุดที่สุดนับตั้งแต่มีเหตุกราดยิงที่สหรัฐฯ ในปีนี้
ทางการสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.32 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น มือปืนก่อเหตุกราดยิงในโรงเรียนประถมศึกษาร็อบบ์ (Robb Elementary School) ที่เมืองอูวัลเด (Uvalde) ในรัฐเทกซัส ของสหรัฐฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 21 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียน 19 คน และครูผู้หญิงชั้น ป.4 อีก 2 คน
โดยผู้ก่อเหตุ คือ นายซัลวาดอร์ รามอส (Salvador Ramos) อายุ 18 ปี ได้ใช้ปืนกราดยิงเข้าใส่ครูและนักเรียน จากนั้นยังยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ จนทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ก่อนที่มือปืนรายนี้จะถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรมในที่สุด
จากการสืบสวนเบื้องต้นคาดว่ามือปืนวัยรุ่นรายนี้ก่อเหตุเพียงลำพัง ส่วนแรงจูงใจยังไม่ทราบแน่ชัด ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามือปืนเป็นนักเรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในย่านเดียวกัน
เคยมีมหาวิทยาลัยแอริโซนาสเตต เคยทำการวิจัยที่น่าสนใจ เอาไว้หลายปีก่อน หลังนำข้อมูลเหตุการณ์กราดยิงในสหรัฐอเมริกามาวิเคราะห์ และพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีลักษณะที่สามารถแพร่ระบาดได้ในแบบเดียวกันกับโรคระบาด
งานวิจัยดังกล่าวพบว่า ผู้ก่อเหตุกราดยิงจะมีการสัญญาณที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เช่น เข้าไปโพสต์ชื่นชม และเห็นด้วยกับผู้ก่อเหตุ ในบางกรณีตัวผู้กราดยิงอาจมีข้อมูลบางอย่างที่เชื่อมโยงได้กับผู้ก่อเหตุก่อนหน้า เช่น เชื้อชาติ หรือ ความเชื่อ
สื่อเองก็มีผลกับเรื่องนี้ เพราะทุกครั้งที่มีการรายงานข่าวเกี่ยวกับเหตุกราดยิงจะมีผลกระตุ้นให้ผู้ก่อเหตุก่อการตามได้ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบด้วยว่าการแพร่ระบาดของการกราดยิงนั้นเกิดขึ้นต่อเนื่องตามกัน ในลักษณะเดียวกันกับการฆ่าตัวตายในกลุ่มเยาวชน
โดยช่วงเวลาที่อาจเกิดเหตุสังหารหมู่หรือกราดยิงขึ้นซ้ำนั้น มีโอกาสสูงสุดหลังเหตุการณ์แรกถูกเผยแพร่ผ่านสื่อ 2 สัปดาห์
นั่นแปลว่าเมื่อมีเหตุกราดยิงขึ้นครั้งแรก หลังจากเว้นช่วงไปนานเราก็จะเห็นข่าวกราดยิงตามมาในอีกไม่กี่สัปดาห์นั่นเอง สอดคล้องกับเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมา
อย่างเดือนมกราคม อาจารย์อัปวิดีโอลงยูทูบ ข่มขู่ว่าจะมีการก่อเหตุกราดยิงที่สถานศึกษา จนว่ากันว่าที่นักเรียนต้องเรียนออนไลน์ไม่ได้กลัวโควิด-19 แต่กลัวจะถูกยิงมากกว่า
เดือนเมษายน มีเหตุกราดยิงที่สถานีรถไฟใต้ดินบรุคลิน
เดือนพฤษภาคม วันที่ 14 เกิดเหตุกราดยิงขึ้นภายในซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองบัฟฟาโล ในรัฐนิวยอร์ก ต่อมาวันที่ 15 เกิดเหตุคนร้ายก่อเหตุกราดยิงบริเวณแกรนด์ เซนทรัลมาร์เก็ต ตลาดอาหารชื่อดังใจกลางนครลอสแอนเจลิส
และถ้าเหตุกราดยิงทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ภายในเพียง 19 สัปดาห์ ตั้งแต่เริ่มต้นปีมานี้ เกิดเหตุไปแล้วถึง 199 ครั้ง เฉลี่ยมีเหตุกราดยิง 10 ครั้งต่อสัปดาห์ เอฟบีไอรายงานว่านี่เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึง 52 % และยังทำลายสถิติจำนวนเหตุการณ์ยิงเมื่อเทียบกับปีก่อน ๆ อีกด้วย
ลูกแพนด้าตัวที่สาม ที่มาเลเซีย โชว์ตัวครั้งแรก
ลูกแพนด้าเกิดใหม่ ที่สวนสัตว์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นลูกตัวที่ 3 แล้ว จากพ่อแม่ ซิงวิง เหลียงเหลียง
โดยแพนด้ายักษ์เพศเมีย เหลียง เหลียง ให้กำเนิดลูกคนที่สามของเธอที่ได้รับการตั้งชื่อว่า เซิงยี่ ซึ่งมีความหมายว่าสันติภาพและมิตรภาพ
จีนและมาเลเซียตกลงกันเมื่อปี 2555 ว่าจีนจะส่งแพนด้าให้มาเลเซียเลี้ยงเป็นเวลา 10 ปี ตามนโยบายการทูตแพนด้า
ซึ่งก่อนหน้าเจ้าเซิงยี่ หมีแพนด้าตัวพ่อและแม่คู่นี้ ยังเคยทำสถิติโลก ในการให้กำเนิดลูกตัวที่ 2 ในที่คุมเลี้ยงในรอบ 4 ปี โดยการผสมพันธุ์ตามธรรมชาติอีกด้วย