ผู้ประกอบการรถร่วมฯ ปัดเจรจา บขส.
เช้านี้ที่หมอชิต - ผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร ปฏิเสธร่วมเจรจากับ บขส. เพื่อร่วมหาทางออกราคาน้ำมัน มองว่าคงไม่เป็นผล
หลังกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง หรือ บขส. ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าจะมีการเจรจากับกลุ่มผู้ประกอบการรถร่วมโดยสาร เพื่อหาทางออก แก้ปัญหาพิษราคาน้ำมันนั้น
นายพิเชษฐ์ เจียมบุรเศรษฐ์ นายกสมาคมกิจการรถโดยสารประจำทางไทย แจ้งผ่านผู้สื่อข่าว โดยปฏิเสธการร่วมเจรจา เนื่องจากมองว่า บขส.เอง คงจะหาทางช่วยเหลือไม่ได้ ที่สำคัญรถโดยสารในประเทศไทย ก็ไม่ใช่รถโดยสารร่วม บขส. ทั้งหมด ยังมีรถหมวด 3 หมวด 4 ที่เอกชนเป็นผู้รับใบอนุญาตเดินรถโดยตรงจากกรมการขนส่งทางบก อีกกว่าหมื่นคัน รถกลุ่มนี้ไม่ได้ขึ้นตรงกับ บขส. ดังนั้นการเจรจาของ บขส. กับรถร่วม หากจะเป็นเพียงการช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย ก็คงไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดทุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้ และไม่มีผลกับรถเอกชนทั่วประเทศแต่อย่างใด มองว่าการดำเนินการของ บขส. เป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น
ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องรอคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางเป็นผู้พิจารณา ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเปลี่ยนเลขสายรถเมล์ ว่าต้องมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เพราะสายรถที่ใช้อยู่ขณะนี้ คณะกรรมการขนส่งทางบกก็พิจารณาอยู่ที่จะทำให้รถโดยสารวิ่งแล้วมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมา มีการเดินรถทับซ้อน ทำให้เกิดปัญหาจราจร และฝุ่น PM2.5 รวมถึงต้นทุนในการดำเนินการ
ขณะที่ กรมการขนส่งทางบก เปิดเผยที่มาของการปรับเปลี่ยนเลขสายรถเมล์นั้น เป็นไปตามแผนแม่บทพัฒนาระบบรถโดยสารประจำทาง ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งศึกษาโดยสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560 ซึ่งได้เปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนไปแล้ว
โดยเลขสายรถเมล์จะแบ่งเป็น 4 โซน ใช้หลักการแบ่งพื้นที่การเดินรถของจุดต้นทางตามทิศของกรุงเทพมหานคร คือ เลขแรกเป็นเลขโซน และตัวเลขหลังเป็นเลขสาย ซึ่งในช่วงการเปลี่ยนผ่านปฏิรูปเส้นทางนี้ ได้มอบหมายองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมเอกชน ให้ใส่เลขสายเดิมควบคู่กับเลขสายใหม่กำกับหน้ารถไว้ด้วย ไม่น้อยกว่า 1 ปี และแจกแผ่นพับ ในอนาคตจะมีการนำเทคโนโลยี "แอปพลิเคชัน" มาช่วยในการเดินทาง เพื่อเป็นข้อมูลการเดินทางและเกิดความสะดวกกับผู้ใช้บริการ โดยแอปพลิเคชันใหม่นี้จะเปิดตัวภายใน 6 เดือนข้างหน้า
