ถอดบทเรียน ไฟไหม้ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ วอด 40 หลัง
เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานนี้เกิดเหตุไฟไหม้ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ย่านพระราม 4 ส่งผลให้ประชาชนนับ 100 ชีวิตได้รับความเดือดร้อน บ้านถูกเพลิงไม้เสียหายไปกว่า 40 หลังคาเรียน
นี่คือเปลวเพลงขณะกำลังลุกโหมอย่างหนักในชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ถนนพระราม 4 เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (21 มิ.ย.) เพลิงได้ลุกโหมจากใจกลางชุมชน ซึ่งเป็นชุมชนแออัด บ้านมีลักษณะหลังคาติดกัน มีช่องทางเดินเข้าไปในชุมชนเพียงแค่ 90 เซนติเมตร แล้วในชุมชนมีบ้านเป็นร้อย ๆ หลังคาเรือน ทั้งมีเลขที่และไม่มีเลขที่ พอเกิดไฟไหม้ขึ้นชาวบ้านต่างขนของหนีตายออกมาวางไว้ริมถนน ใครตั้งสติได้มาก มีคนอยู่ในบ้านหลายคนก็ขนออกมาได้มากหน่อย แต่บางคนน่าเศร้า คุณผู้ชม วิ่งหนีตายออกมาด้วยความตกใจ แทบจะไม่มีอะไรติดตัวมาเลย อย่างคุณพรานทอง สุขวัน อายุ 49 ปี บ้านถูกเพลิงไหม้วอดทั้งหลัง สิ่งที่นำติดตัวมาได้มีแค่กระเป๋าใบเล็ก ๆ 2 ใบ
เหตุการณ์เจ้าหน้าที่กู้ภัย สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ใช้รถน้ำหลายสิบคัน ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ มีประชาชน อาสาฯ รวมถึงนักข่าว ได้รับบาดเจ็บรวม 12 คน ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงในการควบคุมเพลิง หลายคนคงตั้งคำถาม เหตุการณ์กลางเมืองหลวงของไทย มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อม อะไรทำให้การควบคุมเพลิงกินเวลานานขนาดนี้ ผู้สื่อข่าวเช้านี้ที่หมอชิตของเรา ไปถอดบทเรียนจากอาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู บอกว่า สาเหตุที่คุมเพลิงได้ช้า เพราะว่าในชุมชนเป็นชุมชนแออัด รถน้ำไม่สามารถเข้าไปถึงต้องเพลิงได้ และอีกปัจจัยสำคัญที่อาสาฯ เคยสะท้อนไปแล้วหลายครั้ง คือในชุมชนแออัดที่เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ ไม่มีหัวจ่ายน้ำ ที่ชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ก็เช่นกัน หัวจ่ายน้ำอยู่ไกล
ส่วนการช่วยเหลือของ กทม. เมื่อวานนี้ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการและได้ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบลงทะเบียนเพื่อรับการช่วยเหลือ เยียวยาความเสียหาย ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายราว 40 หลังคาเรือน มูลค่าความเสียหายเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าตรวจสอบและประเมินอีกครั้งในช่วงสายของวันนี้ แต่เมื่อวานนี้มีอีกหนึ่งคนที่ลงพื้นที่ไปให้กำลังใจชาวบ้านทันทีที่ทราบเหตุ นั่นคือคุณชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม. พอทราบว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ในช่วงเวลาเร่งด่วน ตัดสินใจซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ลงพื้นที่ทันที
เมื่อผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่ ถือเป็นโอกาสที่อาสากู้ภัย ได้สะท้อนปัญหาให้ทราบ โดยเฉพาะประเด็นการมีหัวจ่ายน้ำไว้ในชุมชนแออัด เพื่อป้องกันหากเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมาอีก จะได้มีน้ำใช้ในการควบคุมเพลิง และลดความเสียหายที่อาจเกิดเป็นวงกว้างได้ ซึ่งเรื่องนี้คุณชัชชาติก็รับปากว่าจะนำไปพิจารณาเพื่อหาแนวทางในการป้องกันแล้ว แต่สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือการให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเดินหน้าช่วยเหลือพวกเขาอย่างเต็มที่
