ข่าวในหมวด ประเด็นร้อนออนไลน์

พบในไทยแล้ว 1 ราย โอมิครอนเจน 3 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ เผย หลบภูมิได้ดีที่สุด เตรียมรับมือระลอกใหม่


โควิด-19 "เจเนอเรชัน 3" โอมิครอนกลายพันธุ์ “BA.2.75.2” พบในไทยแล้ว 1 ราย หลบภูมิได้ดีที่สุด ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ แนะ เตรียมรับมือการระบาดระลอกใหม่

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล  เผยถึงการเฝ้าติดตามโควิด-19   โควิด-19 "เจเนอเรชัน 3" โอไมครอน“BA.2.75.2” พบผู้ติดเชื้อในไทยแล้ว 1 ราย เตรียมพร้อมการตรวจกรองรับมือการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโอไมครอนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

โดยระบุว่า สถาบันจีโนมประเทศอินเดีย แถลงเตือนว่าโอไมครอน BA.2.75 พบระบาดในอินเดียมาตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2565  คิดเป็นร้อยละ 82.9 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่  และมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการที่ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านไม่ยอมรับคือ “เซนทอรัส (Centaurus) หรือมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้าในเทพนิยายกรีก”
อันมีนัยถึงการกลายพันธุ์ไปมากที่สุดเมื่อเทียบกับไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์อื่นที่เคยมีการระบาดมาก่อนหน้า ขณะนี้ได้พบว่า (โอไมครอน BA.2.75) เกิดการกลายพันธุ์ต่อเนื่องไปอย่างไม่หยุดยั้ง หนึ่งในสายพันธุ์ย่อยที่กลายพันธุ์ไปคือ “BA.2.75.2”  โดยมีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "เซนทอรัส 2.0" เปรียบเสมือนเป็นลูกคนที่สองของ BA.2.75 (ลูกคนแรกคือ BA.2.75.1)

ผู้เชี่ยวชาญภูมิคุ้มกันวิทยาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่งได้ทวีตว่าโอไมครอน BA.2.75.2 เป็นสายพันธุ์ที่หลีกเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ดีที่สุดในปัจจุบัน อาจก่อให้เกิดการแพร่เชื่อได้มากขึ้นไปอีกในอนาคต เป็น "The Super Contagious Omicron Subvariant"

โอไมครอน BA.2.75.2  กลายพันธุ์มาจาก BA.2.75  ถือได้ว่าเป็นเจเนอเรชัน 3 ( 3rd generation) โดยมีการกลายพันธุ์ต่างจากไวรัสดั้งเดิม (อู่ฮั่น) 95 -100 ตำแหน่งเช่นกันแต่มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ถึง 248% เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.2.75 ที่ระบาดอยู่ในอินเดียขณะนี้   พบการระบาดครั้งแรกในประเทศอินเดีย และแพร่ไปยังประเทศ ชิลี อังกฤษ สิงคโปร์ สเปน เยอรมนี และ ประเทศไทย

โอไมครอน BA.2.75.2  มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ถึง 90%  เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.5   และ 148% เมื่อเปรียบเทียบกับ BA.4  ที่ระบาดอยู่ทั่วโลก มีการกลายพันธุ์บริเวณส่วนหนาม 3 ตำแหน่งที่ต่างไปจากโอไมครอน BA.2 และ BA.2.75 คือ S:R346T, S:F486S, S:D1199N สามารถใช้เป็นตำแหน่งตรวจกรองด้วยการถอดรหัสพันธุกรรม หรือการตรวจด้วย PCR

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ ได้ทำการสืบค้นและวิเคราะห์ข้อมูลจากฐานข้อมูลรหัสพันธุกรรมโควิดโลก “GISAID” พบรหัสพันธุกรรม “โอไมครอน BA.2.75.2 จากประเทศไทยที่ถูกอัปโหลดขึ้นมาบน GISAID หนึ่งราย” โดยสถาบันการแพทย์ในประเทศไทย จากข้อมูลพบว่าได้ทำการสวอปจากชายรายหนึ่งเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2565   ยังไม่สามารถคำนวณความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) เปรียบเทียบกับโอไมครอน BA.4 และ BA.5 ที่ระบาดในประเทศไทยได้เพราะจำนวนตัวอย่าง BA.2.75.2 ในประเทศไม่มากพอ

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ฯ มีความจำเป็นที่จะต้องแยกโอไมครอนสายพันธุ์ต่างๆออกจากกันให้ได้อย่างรวดเร็ว ภายใน 24-48 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็น BA.2, BA.4,  BA.4.6, BA.5, BA.2.12.1,  BA.2.75, BA.2.75.2  ฯลฯ เพราะการรักษาโควิด-19 เริ่มมีลักษณะการแพทย์แม่นยำ มุ่งเป้า (precision medicine) มากขึ้นเป็นลำดับ ต่างจากการรักษาในช่วงต้นของการระบาดในปี 2019 ซึ่งผู้ป่วยทุกรายรักษาเหมือนกัน (One-size-fits-all) เนื่องจากปัจจุบันพบว่าเวชภัณฑ์ อาทิ วัคซีน (เข็มหลัก และ เข็มกระตุ้น)  ยาต้านไวรัส และ แอนติบอดีสังเคราะห์ หลายประเภทมีประสิทธิภาพในการป้องกันหรือรักษาไวรัสโคโรนา 2019 แต่ละสายพันธุ์ ที่แตกต่างกัน

BUGABOONEWS
ขอบคุณข้อมูลจาก : FB-Center for Medical Genomics


ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark