ผู้ปกครองทยอยรับลูกหลาน จากมูลนิธิคุ้มครองเด็กฯ จ.สมุทรสงคราม

เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานนี้ มีผู้ปกครองทยอยเดินทางมารับตัวลูกหลานที่ให้ไปอยู่ในความดูแลของมูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) เพื่อกลับไปดูแลเอง หลังมติคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดสมุทรสงคราม ไม่ต่อใบอนุญาต

บรรยากาศภายในมูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) ตำบลสวนหลวง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม พบว่ายังมีเด็กในความดูแลเพียงส่วนน้อย ประมาณ 10-15 คน โดยเด็กส่วนใหญ่ เจ้าหน้าที่พัฒนาและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. ได้ไปรับตัวก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบถามความเป็นอยู่ภายในมูลนิธิฯ

ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ปกครองที่นำลูกหลานไปให้มูลนิธิฯ ดูแลมาถึง 8 ปี ก็เดินทางมารับตัวกลับบ้านด้วยเช่นกัน ครอบครัวนี้อยู่กรุงเทพมหานคร และมีลูก 3 คน ซึ่งก่อนที่จะปรากฏคลิปมีเด็กในความดูแลถูกทำโทษ ได้มารับตัวลูกคนโตกลับไปดูแลเอง ส่วนเมื่อวานมารับตัวลูกคนกลางและคนเล็กกลับไปพร้อมกัน ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับกระแสข่าวที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยังมั่นใจในการทำหน้าที่ของนายมนตรี สินทวิชัย หรือ ครูยุ่น เลขามูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) เพราะตลอดเวลาที่มาหาลูกและได้พูดคุยถามเรื่องความเป็นอยู่ เรื่องการเรียน หรือแม้กระทั่งเรื่องอาหารการกิน ก็ไม่เคยได้ยินลูกบ่นหรือมีปัญหาอะไร

เดิมที่ครอบครัวนี้ตั้งใจจะมารับลูกไปอยู่ด้วยกันทั้งหมดอยู่แล้ว แต่พอมูลนิธิฯ มีปัญหา ก็เลยตัดสินใจได้เร็วขึ้น ไม่ใช่ว่าจะกลัวเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ทำโทษลูก แต่กลัวว่า หาก พม.รับตัวลูกไปดูแลจะติดต่อหากันลำบาก เพราะกฎระเบียบค่อนข้างเยอะ

วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สภ.อัมพวา นำเอกสารคำให้การของครูยุ่น ในวันที่เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหา มาให้เซ็นรับทราบด้วย โดยเจ้าตัวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย ทักทายพูดคุยทั้งกับผู้ปกครองและเด็กเหมือนปกติ เพียงแต่ขอไม่ให้สัมภาษณ์ในทุกประเด็น เพราะได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ท่าทีหลังจากนี้จะนัดพูดคุยกับคณะกรรมการมูลนิธิฯ กันอีกครั้ง ว่าจะไปในทิศทางใด หลังคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดสมุทรสงคราม มีมติไม่ต่อใบอนุญาตมูลนิธิคุ้มครองเด็ก (บ้านครูยุ่น) ที่จะหมดอายุในเดือนมกราคม ปีหน้า

เหตุที่ครูยุ่นกลายมาเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ มาจากคลิปที่มีการใช้ไม้ทำโทษเด็ก และใช้คำพูดรุนแรง กระทั่งช่วงค่ำวันที่ 3 พฤศจิกายน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่และติดตามคดีด้วยตัวเอง โดยให้มูลนิธิฯ ส่งเด็กทุกคนมาสอบปากคำกับทีมสหวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่ พม. จะต้องมาดูต่อว่า เด็กที่เข้าให้การแต่ละคนเคยถูกตีมาแล้วหลายครั้งหรือไม่ ส่วนที่ครูยุ่นปฏิเสธข้อกล่าวหาก็ต้องไปว่ากันตามหลักฐาน