ทนายษิทรา ขอหยุดทำคดีดารา เอ็ม

เช้านี้ที่หมอชิต - ทนายษิทรา ออกมาให้ความเห็นถึงเรื่องที่ "ม้า อรนภา" ยอมรับว่าพลั้งมือทำร้ายผู้เสียหาย แต่ก็พูดคุยเคลียร์ใจกันแล้ว ยืนยันว่า เรื่องนี้มีการดำเนินคดีกันจริง แต่ไม่รู้ว่าเคลียร์กันไปแล้วหรือไม่ ส่วนดารา "เอ็ม" ก็ยืนยันว่ายังตัดสินใจที่จะดำเนินคดีไปตามกฎหมายในไทย

นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ทนายความที่ได้ให้คำปรึกษากับดาราหนุ่มผู้เสียหาย ที่ถูก "ม้า อรนภา กฤษฎี" นักแสดงรุ่นใหญ่ทำร้ายร่างกาย ภายในห้างสรรพสินค้าประเทศเกาหลีใต้ ให้ความเห็นถึงการแถลงชี้แจงของ "ม้า อรนภา" ว่า เชื่อว่าหลายคนคงรู้สึกงุนงงกับข้อเท็จจริง ส่วนตัวแม้ไม่ทราบว่าทั้ง 2 ฝ่าย ได้มีการเคลียร์ใจกันไปแล้วจริงหรือไม่ แต่ยืนยันได้ว่า เรื่องนี้เคยมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้จริงที่ประเทศเกาหลีใต้ มีหลักฐานเลขรับแจ้งความ และเชื่อว่าช่วงแรก ๆ ที่เกิดเรื่อง ไม่น่าจะตกลงกันได้ด้วยดี

แต่ต่อมาหลังจากที่ผู้เสียหายนำเรื่องนี้ไปพูดคุยในคลับเฮาส์ แล้วไปต่อว่าคนที่ให้การช่วยเหลือ หรือสนับสนุน อีกทั้งยังไปปกป้องคนที่ทำร้ายแทน ก็มองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม จึงส่งข้อความไปตำหนิ และตัดสินใจจะไม่ยุ่งเรื่องทางคดีของผู้เสียหายต่อ เพราะไม่อยากกลายเป็นเครื่องมือสร้างชื่อเสียงให้กับคนอื่น

ส่วนฝั่งของ เอ็ม หรือ นายนันทวัฒน์ ผ่องบุรุษ ได้ไปเปิดใจผ่านรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ก่อนจะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า รู้จักกับ "ม้า อรนภา" เพราะผู้จัดการแนะนำให้ปรึกษาเรื่องไปทำศัลยกรรมจมูกที่ประเทศเกาหลีใต้ และช่วงแรกของการเดินทาง ก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวงการบันเทิงจนให้ความเคารพรัก เรียกอีกฝ่ายว่า "แม่ม้า"

เหตุการณ์วันนั้นเป็นเพราะตนเองกินอาหารอิ่มแล้ว จึงไม่อยากตามไปกินปูด้วย ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ตามภาพวงจรปิด ยอมรับว่า ตอนนั้นโกรธจนตัวสั่น เพราะอายและเจ็บตัว และเหตุที่เกิดขึ้นไม่ใช่การ "แตะ" แต่คือการ "ตบ" ชัดเจน ก่อนที่จะได้เปิดใจพูดคุยกันที่ย่านเมียงดง

ระหว่างที่อยู่ที่เกาหลีใต้ ได้โทรศัพท์พูดคุยกับแม่ของตนเองตามปกติ ซึ่งแม่จับน้ำเสียงได้ว่าไม่ปกติ จึงค่อย ๆ ถามเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่สบายใจและโกรธมาก พร้อมกับแนะนำให้ตนไปปรึกษาเรื่องนี้กับทนายความ ส่วนที่ตัดสินใจแจ้งความเพราะอยากให้เรื่องนี้เป็นบทเรียนเท่านั้น

ทั้งนี้ ยังได้ขอบคุณ "แม่ม้า" ที่เปิดแถลงข่าวและพูดความจริงทั้งหมด และยืนยันอีกครั้งว่า ตนเองกับ "แม่ม้า" ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่เป็นลูกค้าที่ขอให้พาไปทำศัลยกรรมเท่านั้น