ข่าวในหมวด ประเด็นเด็ด 7 สี

ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ : ตรุษจีนปี 66 เงินสะพัด-ของแพง

ประเด็นเด็ด 7 สี - ทิศทางราคาสินค้า ไม่ว่าจะเนื้อสัตว์ ผักสด หรือผลไม้ ขยับตัวสูงขึ้น เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้คาดการว่า เงินสะพัดช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2566 จะสูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว ติดตามเรื่องนี้ในประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ

วันพรุ่งนี้เป็นวันจ่าย ส่วนวันเสาร์เป็นวันไหว้ และวันอาทิตย์ คือวันเที่ยวและถือเป็นวันตรุษจีน ปีนี้ธนาคารแห่งประเทศไทย เตรียมสำรองธนบัตรให้คุณผู้ชมจับจ่ายสินค้า และใส่ซองอั่งเปาไว้ถึง 25,000 ล้านบาท
ทิศทางราคาสินค้าในกลุ่มเครื่องเซ่นไหว้ที่ปรับสูงขึ้น 10-20% ท่ามกลางภาระค่าครองชีพที่สูง เป็นปัจจัยหลักที่กดดันต่อการจับจ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลตรุษจีน ปี 2566 ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกมาประเมินว่า ตรุษจีนปีนี้คนกรุงเทพจะใช้จ่ายเงิน ราว ๆ 12,330 ล้านบาท หรือขยายตัวมากกว่าปีก่อน 5% และยังเป็นการขยายตัวมากที่สุดในรอบ 3 ปี โดยมองว่า คนกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ค่าครองชีพสูง ยังต้องเผชิญกับปัจจัยกดดัน ทั้งจากราคาสินค้า และความกังวลต่อการกลับมาระบาดอีกครั้งของโควิด-19 แต่หากมองในภาพรวม ปีนี้ ก็ถือว่าดีกว่าปีก่อน ๆ เพราะคนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่ เริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติและทำกิจกรรมต่าง ๆ มากขึ้นแล้ว และอย่าลืมว่ายังมีแรงหนุนจากมาตรการช้อปดีมีคืน ตรงนี้ก็ช่วยให้บรรยากาศ การจับจ่ายสินค้าคึกคึกมากขึ้นด้วยครับ

เมื่อช่วงต้นผมพูดถึงเงินกำลังซื้อเฉพาะคนกรุงเทพ เรามาดูกำลังซื้อ หรือเงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนในภาพรวม ก่อนหน้านี้ย้อนหลัง 5 ปีกันบ้าง จากข้อมูลศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คุณผู้ชมจะเห็นได้ว่า เมื่อปี 2561 ตอนนั้นยังไม่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เงินสะพัดช่วงเทศกาลตรุษจีนอยู่ที่ 56,860 ล้านบาท ขยายตัว 3.52%

ตรุษจีนปี 2562 อยู่ที่ 58,398 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยครับ 2.70% และถัดมา กว่า 57,000 ล้านบาท นี่ล่ะ โควิด-19 ก็ไม่สามารถทำลายศรัทธาชาวไทยเชื้อสายจีน หรือชาวจีนไปได้ ส่วนปีที่แล้วร่วงครับ เหลือกว่า 40,000 ล้านบาท ปีนี้ติดลบ 21.85% เป็นเพราะภาครัฐประกาศงดทุกกิจกรรมเพื่อสกัดพิษโควิด-19 ช่วงนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อกำลังพีกด้วย และถัดจากนั้นก็ ปี 2565 เงินสะพัดเหลือกว่า 39,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้ที่ตัวเลขสูงขึ้น ส่วนหนึ่งก็เพราะราคาสินค้าเพิ่ม รวมทั้งเริ่มใช้ชีวิตกันปกติแล้ว

ด้านธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เค้าออกมาประเมินว่า ประชาชนจะมีความต้องการใช้ธนบัตรในระดับสูงกว่าปกติ จึงได้เตรียมสำรองธนบัตรชนิดราคาต่าง ๆ เพื่อรองรับความต้องการไว้ประมาณ 25,000 ล้านบาท เทียบกับปีก่อน ลดลงประมาณ 7% ตรงนี้ไม่ใช่ว่าประชาชนใช้จ่ายน้อยลง แต่ความต้องการใช้ธนบัตรลดลง ส่วนหนึ่งคงเพราะหลายคนนิยมการโอนเงินผ่านโมไบล์แบงกิง อินเทอร์เน็ตแบงกิง หรือชำระผ่านคิวอาร์โค้ดกันมากขึ้น

ช่วงเทศกาลไม่ว่าจะปีใหม่ ตรุษจีน หรือลอยกระทง การออกมาจับจ่ายสินค้า หรือท่องเที่ยว ก็ถือเป็นดัชนีชี้วัดกำลังซื้อของประชาชนได้ด้วยครับ พรุ่งนี้วันจ่าย ก็เปรียบเทียบราคาสินค้ากันให้รอบคอบ หากซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ ก็อย่าลืมขอใบกำกับภาษี นำไปยื่นลดหน่อยผ่านมาตรการช้อปดีมีคืนได้

ส่วนตัวเลขเงินสะพัด ตรุษจีนปีนี้ 45,000 ล้านบาท สูงที่สุดในรอบ 3 ปีเลย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark