ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ปส.3 ยืนยันไม่มีใครช่วยเหลือคดี สว.อุปกิต

ข่าวภาคค่ำ - ผู้บังคับการ ปส.3 ออกมายืนยันว่า คดีนายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือวิ่งเต้นคดี แต่ที่คดีล่าช้าเพราะอัยการสูงสุดรับเป็นคดีนอกราชอาณาจักร และ นายอุปกิต ร้องขอความเป็นธรรม 

ปส.3 ยืนยันไม่มีใครช่วยเหลือคดี สว.อุปกิต
หลังจากที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ไปยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. ให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของผู้พิพากษาที่ถอนหมายจับ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายยาเสพติด หลังพบว่ามีความผิดปกติในการเปลี่ยน "หมายจับ" และ "หมายค้น" เป็นการ "ออกหมายเรียก" ในวันเดียวกัน เหตุเกิดวันที่ 3 ตุลาคม 2565 

ต่อมาก็มีเอกสารหลุด ความยาว 7 หน้า เขียนโดยสารวัตรสืบสวนที่ทำคดีนายอุปกิต และเป็นผู้ไปขอหมายจับ ชี้แจงข้อเท็จจริงการร้องขอหมายจับถึงกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ลงวันที่ 5 มีนาคม 2566 โดยเริ่มต้นคดีนี้ คือ เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2565 ได้จับกุม นายทุนมินหลัด นักธุรกิจชาวเมียนมากับพวกรวม 4 คน ตามหมายจับคดียาเสพติดและฟอกเงิน ให้การว่า นายอุปกิต เกี่ยวข้องกับขบวนการ จึงส่งตัวผู้ต้องหาให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติด 3 หรือ ปส.3 เพื่อขยายผล แต่ระหว่างนั้นก็ได้รับการติดต่อจากนายตำรวจระดับสูง ให้ตัดพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับ นายอุปกิต ออก แต่ผู้บังคับบัญชาเห็นควรให้ดำเนินคดี เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน จึงรวบรวมหลักฐานไปขอศาลอาญาออกหมายจับ เมื่อวันที่ 3 ตลุาคม 2565 ต่อมาผู้พิพากษาเวรได้อนุมัติออกหมายจับและหมายค้นในเวลา 11.00 น.

ต่อมาเวลา 13.30 น. ได้รับแจ้งจากศาลฯ ให้นำหมายจับกลับไปที่ศาลฯ จากนั้นก็มีอธิบดีผู้พิพากษา, รองอธิบดี และเลขาฯ 3 คน พยายามที่จะให้ถอนหมายจับ แต่ทางพนักงานสอบสอนยืนยันไม่สามารถทำได้ เพราะจะถูกดำเนินคดีอาญา ต่อมาก็มีการเรียกผู้พิพากษาเวร ที่ออกหมายจับเข้าไปพบ และต่อมาอธิบดีผู้พิพากษาได้ตัดสินใจให้มีการถอนหมายจับ และให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาแจ้งข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน แทน

ต่อมาวันที่ 4 ตุลาคม 2565 พนักงานสอบสวนได้นำหลักฐานไปส่งให้พนักงานสอบสวน ปส.3 และตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2565 จนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีการออกหมายเรียก นายอุปกิต มารับทราบข้อหาแต่อย่างใด

ทีมข่าวได้พูดคุย พลตำรวจตรี คมสิทธิ์ รังไสย์ ผู้บังคับการ ปส.3 ชี้แจงว่า กรณีที่สำนักงานอัยการสูงสุดรับคดีนี้เป็นคดีนอกราชอาณาจักร โดยให้ตำรวจและอัยการทำงานร่วมกัน จึงต้องใช้เวลาในการรวบรวมหลักฐาน ประกอบกับ นายอุปกิต ได้ร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ในประเด็นหลักฐานของผู้ต้องหาแช็ตพุดคุยกับ นายอุปกิต จำนวน 1,000 แผ่น ไม่มีการแปลเป็นภาษาไทย จึงอยากให้แปลข้อความดังกล่าวให้หมด รวมทั้งยังมีเส้นทางการเงินมากกว่า 500 บัญชี ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ต้องตรวจสอบ จึงทำให้คดีล่าช้า ไม่สามารถออกหมายเรียกหรือหมายจับได้

ส่วนในวันพรุ่งนี้ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จะไปติดตามความคืบหน้าคดีนายอุปกิต กับตำรวจ ปส.3 อีกด้วย

อัจฉริยะ เตรียมแฉตำรวจเอี่ยวพนันออนไลน์ ล็อต 2
ขณะที่ นายอัจฉริยะ ยืนยันพรุ่งนี้จะนำป้ายผ้าไปติดที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นครั้งที่ 2 เปิดชื่อตำรวจที่เกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ และตำรวจแก๊งทุจริตล็อกสเปคการก่อสร้าง และคดี สว.อุปกิต

ทีมข่าว 7HD ได้ต่อสายตรงไปที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยืนยันว่า ในช่วงสายวันพรุ่งนี้ จะนำป้ายซึ่งมีภาพและผังรายชื่อของตำรวจ ไปแขวนที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งนี้นอกเหนือจากรายชื่อของตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์แล้ว ยังมีรายชื่อของตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับแก๊งมิยาบิ ซึ่งมีตั้งแต่ระดับพลตำรวจเอก ส. อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทอีก 1 นาย ซึ่งเข้าไปเกี่ยวข้องกับทุจริตการล็อกสเปคก่อสร้างอาคารยุทธภัณฑ์ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 - ภาค 9 และกองบัญชาการตำรวจนครบาล แต่จนถึงปัจจุบันยังก่อสร้างไม่แล้วเสร็จ ถูกทิ้งร้างใช้การไม่ได้

นอกจากนี้จะเปิดข้อมูลการสั่งย้ายตำรวจ 4 นาย ที่ทำคดีของ นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ผู้ต้องสงสัยในคดีเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยยืนยันว่ามีบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการสั่งย้าย เพื่อช่วยเหลือทางคดีให้ นายอุปกิต

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark