ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

สยบสารวัตรคลั่ง ดวลสนั่นคลอเพลงจดหมายจากแนวหน้า

เช้านี้ที่หมอชิต - เจ้าหน้าที่ปิดฉากสยบ พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ หลังปิดล้อมนานกว่า 27 ชั่วโมง โดยร้องเพลงที่สารวัตรชอบ ก่อนที่ตำรวจชุดอรินทราช จะบุกเข้าไปในบ้านเกิดการปะทะกัน พร้อม ๆ กับเสียงร้องเพลงจดหมายจากแนวหน้า ไปดูภาพนาทีตำรวจอรินทราช เปิดปฏิบัติการเข้าชาร์จและปะทะกับสารวัตรกานต์

หลังปะทะกันนานกว่า 10 นาที ภาพมุมสูงจากโดรนของตำรวจนครบาล จะเห็นสารวัตรกานต์ กระโดดลงจากหน้าต่างชั้น 2 ของบ้านพัก ลงมาด้านล่าง แล้วนอนบาดเจ็บลุกไม่ไหว สักพักตำรวจชุดอรินทราช ประมาณ 10 กว่านาย ตามเข้าไปจับกุมตัวไว้ ก่อนที่จะมีเจ้าหน้าที่กู้ชีพมาปฐมพยาบาลเบื้องต้น และนำตัวสารวัตรกานต์ขึ้นรถพยาบาลส่งโรงพยาบาลภูมิพล

ปฏิบัติการสยบสารวัตรกานต์ เริ่มขึ้นเวลา 12.15 น. ชุดอรินทราช กระชับพื้นที่เข้าไปบ้านของสารวัตรกานต์ ก่อนเปิดฉากยิงระเบิดเสียงเข้าไป แต่สารวัตรกานต์ ยิงออกมา จึงเกิดการสาดกระสุนกันไปมาทั้ง 2 ฝ่าย เสียงปืนดังสนั่นนับได้ประมาณ 30 นัด ก่อนชุดอรินทราชจะบุกเข้าไปในบ้าน สารวัตรกานต์ กระโดดออกทางหน้าต่างชั้น 2 ก่อนถูกตามควบคุมตัวได้ นำตัวส่งโรงพยาบาลภูมิพล รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากถูกยิง 3 นัด เข้าที่ข้อพับซ้าย หน้าอกซ้าย ขาท่อนบนซ้าย ซึ่งต่อมามีรายงานว่า สารวัตรกานต์ เสียชีวิตเมื่อเวลา 21.47 น. ของเมื่อคืนนี้

ย้อนภาพกลับไปดูตอนที่ตำรวจชุดอรินทราช ยืนยิงปืนเข้าไปในบ้านบริเวณหน้าต่างชั้น 2 จะได้ยินเสียงเพลงที่เพื่อนตำรวจของสารวัตรกานต์ กำลังร้องเพลงกล่อมอย่างต่อเนื่อง นั่นคือเพลง จดหมายจากแนวหน้า ของคุณยอดรัก สลักใจ ซึ่งจะได้ยินเสียงเพลงท่อนที่ร้องว่า เสียงปืนลั่นปัง ตื่นภวังค์คลำหัวอก คว้า M16 หลบเข้ารบเตรียมต่อสู้ ไม่รู้ว่าเป็นจังหวะที่บังเอิญ หรือตำรวจวางแผนไว้ ในช่วงที่เพื่อนสารวัตรกานต์ กำลังร้องเพลงถึงท่อนนี้ เสียงปืนจากชุดอรินทราช ก็ดังขึ้นด้วย โดยเพลงจดหมายจากแนวหน้า เป็นเพลงที่ตำรวจชุดเจรจาคาดว่าเป็นเพลงที่สารวัตรกานต์ ชื่นชอบ

หลังปฏิบัติการสำเร็จ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ผู้บาดเจ็บที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล คือ สารวัตรกานต์ โดยเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าจู่โจมควบคุมตัว เนื่องจากตำรวจร่วมกับทีมแพทย์ ประเมินแล้วว่า สารวัตรกานต์ มีท่าทีใจเย็นลง หลังจากได้พูดคุยโทรศัพท์กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่ได้เปรียบมากที่สุด จึงเข้าปฎิบัติการดังกล่าว

โดยก่อนที่จะเปิดปฏิบัติการ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้โทรศัพท์ไปเกลี้ยกล่อมให้ยอมวางอาวุธ แล้วมอบตัว โดยเจรจาเป็นภาษาเหนือ เพื่อให้ผู้ก่อเหตุรู้สึกวางใจ และรับปากว่าจะดูแลความปลอดภัยให้ ซึ่งช่วงแรก สารวัตรกานต์ มีนํ้าเสียงและท่าทีอ่อนลง และได้ขอบุหรี่จากตำรวจด้วย แต่จู่ ๆ กลับแข็งกร้าว พรํ่าบอกว่าตัวเองถูกกลั่นแกล้ง มีคนปองร้าย จากนั้นได้วางสายไป

พล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 เปิดเผยอาการของสารวัตรกานต์ว่า บาดเจ็บสาหัส ยังไม่ทราบรายละเอียดถึงอาการบาดเจ็บ ยังไม่สามารถให้การได้ ร่างกายอ่อนเพลีย เพราะไม่ได้นอนพักผ่อน และไม่ได้รับประทานอาหารถึง 2 วัน

นอกจากนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุ ประกอบสำนวนในคดี โดยเฉพาะปลอกกระสุนประมาณ 60 นัด และตรวจสอบสภาพความเสียหายบริเวณใกล้เคียง ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่าใช้อาวุธปืนลูกโม่อย่างน้อย 1 กระบอก อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า มีปืนชนิดอื่นใช้ก่อเหตุหรือไม่

ส่วนประเด็นที่ทำให้สารวัตรกานต์ ก่อเหตุใช้ปืนยิงและส่งเสียงโวยวายติดต่อกันนานหลายชั่วโมง อาจเป็นเพราะเครียดสะสมจากปัญหาส่วนตัว ปัญหาเรื่องสุขภาพ และปัญหาการทำงาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้ตรวจสอบสุขภาพจิต เพื่อปรับตำแหน่งงาน และไม่ผ่านเกณฑ์ จากสาเหตุนี้ทางต้นสังกัดจึงได้ประสานแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เดินทางมาที่บ้านพัก เพื่อนำตัวไปรักษา จึงทำให้สารวัตรกานต์ ไม่พอใจ เกิดความเครียด กระทั่งก่อเหตุ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา เวลา 08.30 น. ของวันที่ 13 มีนาคม เมื่อสารวัตรกานต์ อายุ 51 ปี ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้าหลายนัด เดินถืออาวุธปืนตะโกนโวยวายอยู่ในพื้นที่บ้านมั่นคง 2 ซอยจิระมะกร สายไหม 46 เขตสายไหม และขี่รถจักรยานยนต์ รัวยิงรอบหมู่บ้าน ทั้งตำรวจพื้นที่และหน่วยอรินทราช ต้องเสริมกำลังเข้าปิดล้อมเจรจา ต่อเนื่องทั้งวันไปจนถึงกลางคืน เจรจาก็แล้ว ยิงแก๊สน้ำตาก็แล้ว ให้เพื่อนสนิทเกลี้ยกล่อม ให้ลูกเกลี้ยกล่อม ต่อสายให้คุยกับแม่ แต่ทุกวิธีการไร้ผล

จนข้ามคืนถึงช่วงเช้าของเมื่อวาน 15 มีนาคม วิธีการใหม่ ๆ ถูกนำมาใช้ โดยเฉพาะการร้องเพลงลูกทุ่งที่คิดว่าสารวัตรกานต์ จะชอบ เพื่อให้ผ่อนคลายและยอมมอบตัว เช่นเพลง พบรักที่ปากน้ำโพ และจดหมายจากแนวหน้า ของยอดรัก สลักใจ

เพลงที่ดูเหมือนจะทำให้สารวัตรกานต์ ผ่อนคลาย และความคาดหวังว่าจะมอบตัว กลับไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก และแม้อดีตผู้บังคับบัญชาที่เคยอยู่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด จะพยายามบอกว่า จะให้สารวัตรกานต์ กลับไปประจำการที่สังกัดเดิม คือกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แต่ก็ไม่เป็นผลอยู่ดี การเจรจา ทุกอย่าง กระทั่งต้องจบลงด้วยการจู่โจมเข้าไปจับกุมตัว และลงเอยด้วยการบาดเจ็บสาหัสของตัวสารวัตรกานต์เอง จนนำมาสู่การเสียชีวิต

ระหว่างพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม โดรนของตำรวจนครบาลที่บินเข้าไปในบ้าน พบว่าสารวัตรกานต์ ยังคงนอนอยู่ในบ้านบนที่นอน โดยยังคงถือปืนไว้ที่มือ และที่พื้นมีมวนบุหรี่เกลื่อนเต็มอยู่บริเวณนั้น ขณะที่ในมุมห้องมีสิ่งของลักษณะเหมือนท่อพีวีซีสีฟ้า มีจงอย อยู่ต่ำลงมาด้านล่างท่อ ซึ่งผู้ที่ได้ดูภาพนี้ ต่างวิพากษ์ว่า มีลักษณะคล้ายบ้องกัญชาหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีภาพที่ถูกเผยแพร่ออกมา เป็นภาพหมวกของหน่วยอรินทราช ซึ่งเป็นของ ส.ต.อ.สถาพร แก้วพวง หน่วยอรินทราช ที่เข้าไปตรวจดูในบ้าน แต่ถูก สารวัตรกานต์ ยิงสวนกลับมา โดยจะเห็นว่า วิถีกระสุนพุ่งเจาะหมวกอรินทราช แต่โชคดีที่เจ้าของหมวกไม่บาดเจ็บ

อีกทั้ง ภาพจากโดรนตำรวจนครบาล ในช่วงที่สารวัตร กระโดดพุ่งทะละกระจกบานเกล็ดหน้าต่างลงมาจากชั้น 2 จะสังเกตุเห็นมุมซ้ายล่างของภาพมีพืชลักษณะคล้ายต้นกัญชาจำนวน 2 ตั้ง ถูกปลูกไว้ในกระถาง

สำหรับสารวัตรกานต์ เป็นสารวัตรฝ่ายปกครอง ศูนย์พัฒนาด้านการข่าวกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เป็นคนอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เมื่อปี 2541 เข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่งผู้บังคับหมู่ สังกัดฝ่ายอำนวยการกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ทำหน้าที่พลขับและขนส่ง แต่ด้วยความมุมานะ ก็ได้ศึกษาต่อระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์บัณฑิต ควบคู่ไประหว่างทำงาน

กระทั่งจบการศึกษา ได้สอบเป็นนายตำรวจระดับรองสารวัตร จนได้รับการบรรจุที่กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และเจริญเติบโตในหน้าที่การงานเรื่อยมา จนได้รับการแต่งตั้งเป็น พ.ต.ต. ระดับสารวัตร ในกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 จากนั้นเมื่อปี 2562 ถูกโยกย้ายไปกองบัญชาการศึกษาในตำแหน่งสารวัตรอำนวยการ กระทั่งสองปีต่อมาปี 2565 ถูกย้ายไปสังกัดสันติบาลจนถึงปัจจุบัน โดยช่วงที่อบรมนักเรียนนายร้อย แม้จะเข้ากับเพื่อนนักเรียนได้ แต่ก็เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เงียบ ๆ นิ่ง ๆ

ทั้งนี้ สารวัตรกานต์ ที่ผ่านมาถือว่าเป็นนายตำรวจที่มีความรู้ความสามารถ ทำให้เจริญเติบโตในหน้าที่การงานจากตำแหน่งพลขับเป็นสารวัตร โดยใช้เวลาเพียง 20 ปี และยังเป็นตำรวจที่มีสมาธิสูง มีความสามารถด้านการยิงปืน ผ่านการทดสอบได้รับใบประกาศหลายหลักสูตร ส่วนชีวิตส่วนตัวได้มาเช่าบ้านพักอาศัยอยู่เพียงลำพังขณะที่รับราชการ ส่วนการทำงานก็เป็นที่รักใคร่ของผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนฝูง แต่ระยะหลังมีรายงานว่า ได้เข้ารับการรักษาตัวด้านจิตเวช ที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark