ฝืนคำเตือนเผาตอซังข้าว ไฟคลอกยาย 73 ดับ

เช้านี้ที่หมอชิต - สองพี่น้องกับน้องเขยอีกคน ฝ่าฝืนข้อห้ามเรื่องค่าฝุ่นพิษ ช่วยกันจุดไฟเผาตอซังข้าวบนที่นากว่า 20 ไร่ เกิดลมแปรปรวน ไฟลามไปไร่อ้อยชาวบ้าน เอาไม่อยู่ จนยาย อายุ 73 ปี พี่สาวคนโตโดนไฟคลอกกลายเป็นศพ

เมื่อวานนี้ วันที่ ตำรวจ สภ.บ้านด่าน อำเภอบ้านด่าน จังหวัดบุรีรัมย์ รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีไฟไหม้ทุ่งนาและไร่อ้อย และไฟได้คลอกหญิงชรา เสียชีวิตอยู่กลางทุ่งนา บ้านประดู่ ตำบลปราสาท อำเภอบ้านด่าน

ตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นทุ่งนากว้าง ห่างจากหมู่บ้านประดู่ ประมาณ 5 กิโลเมตร พบไฟกำลังลามทุ่งนา ไปติดกับไร่อ้อยของชาวบ้าน รถดับเพลิงเทศบาลปราสาท ได้เร่งสกัดไฟเอาไว้ไม่ให้ลามต่อ ที่เกิดเหตุพบศพ นางทอง โยงรัมย์ อายุ 73 ปี ชาวบ้านบ้านตลาด ตำบลปราสาท ในสภาพถูกไฟไหม้ทั่วร่าง นอนตะแคงเสียชีวิต

สอบถาม นางเชียร พรมบุตร อายุ 63 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. ตนกับผู้ตายและสามีรวม 3 คน จะทำการจุดไฟเผาตอซังข้าว เพื่อให้โล่งเตียน โดยได้วางแผนยืนอยู่คนละจุด แล้วลงมือจุดไฟพร้อมกัน ให้แต่ละคนเฝ้าระวังไม่ให้ลามไปไกล โดยเฉพาะไร่อ้อยที่อยู่ติดกัน แต่ระหว่างที่ไฟกำลังลุกไหม้อยู่นั้น ได้มีลมกระโชกเข้ามาแล้วเปลี่ยนทิศ ทำให้ไฟลุกลามอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนมองไม่เห็นกัน จนกระทั่งไฟเริ่มสงบ มาพบว่าพี่สาวได้เสียชีวิตแล้ว ยอมรับว่าตื่นตกใจไม่เคยเจอมาก่อน

ส่วน นายเทือง พรมบุตร อายุ 66 ปี น้องเขยของผู้เสียชีวิต บอกว่า ลมแรงและหมุนไปมา ทำให้เอาไม่อยู่ จนเกิดไฟไหม้ลุกลามไปไกล

ด้าน นายสัญญา ชาญวิเศษ นายก อบต.วังเหนือ อำเภอบ้านด่าน กล่าวว่า ชาวบ้านในพื้นที่จะทำการเกษตรหลายชนิด มีทั้งมันสำปะหลัง ข้าว และอ้อย ที่ผ่านมาผู้นำทั้ง 3 ตำบล ได้มีการจับมือรณรงค์ไม่ให้ชาวบ้านจุดไฟเผาตอซังข้าว และอ้อย เพื่อไม่ให้เกิดฝุ่นพิษที่กำลังจะรุนแรงอยู่ในขณะนี้

ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการฝ่าฝืน ขอแสดงความเสียใจกับญาติผู้เสียชีวิต แต่อ้อยของเกษตรกรที่อยู่ติดกัน ยังไม่รู้ว่าโรงงานน้ำตาลจะรับซื้อหรือไม่ จึงขอแจ้งเตือนเกษตรกรที่คิดจะเผาตอซังข้าวว่าไม่คุ้มกับเสีย แทนที่จะได้ปุ๋ยจากตอซังข้าว กลับมาสูญเสียชีวิตคน และสร้างผลกระทบให้เพื่อนเกษตรกรแทน