คืบหน้ายิง RCA ตำรวจไล่เปิดวงจรปิด ลากตัวผู้ร่วมก่อเหตุเพิ่ม
เช้านี้ที่หมอชิต - คืนส่งท้ายสงกรานต์ ที่สถานบันเทิง RCA ในกรุงเทพฯ เกิดเหตุรัวยิงกัน มีนักท่องเที่ยวถูกลูกหลงจากกระสุนปืน บาดเจ็บหลายราย จับผู้ต้องหาได้แล้ว 2 คน มีผู้ใช้ TikTok บันทึกภาพช่วงเกิดเหตุไว้ได้ ในขณะที่ทุกคนกำลังสนุกกัน จู่ ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด
หลังเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ในงานสงกรานต์ย่าน RCA ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกลูกหลงจากกระสุนปืนจำนวน 7 คน ทั้งหมดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการวิ่งหลบกระสุนปืนอีก 4 ราย
จากการสอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นผู้ก่อเหตุเดินเข้ามาหาชายที่อยู่ภายในงาน แล้วเกิดมีเรื่องชกต่อยกัน จากนั้นผู้ก่อเหตุได้ชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงลงพื้นหลายนัด จนทำให้มีผู้บาดเจ็บดังกล่าว และที่ประชาชนหลายคนตั้งข้อสงสัยคือ หลังเกิดเหตุยิงกันแล้ว ผับที่อยู่ในพื้นที่ที่ยิงกันยังคงเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวได้สนุกกันต่อ เหมือนกับว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
ด้าน พันตำรวจเอก ศักยะ แสงวรรณ รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว 2 ราย คือ นายณัฐนนท์ อายุ 41 ปี และนายณัฐพล อายุ 19 ปี สอบปากคำผู้ต้องหาให้การว่า รู้จักกันและนัดกันมาเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งนี้ แต่เมื่อมาถึงก็เจอกับคู่อริ และได้มีปากเสียงและชกต่อยกัน ก่อนจะเกิดเหตุขึ้น แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนยิงปืน
ตำรวจกำลังไล่ตรวจดูกล้องวงจรปิดในช่วงก่อนเกิดเหตุและช่วงระหว่างเกิดเหตุ เพื่อดูว่าเหตุการณ์เกิดอะไรขึ้น แต่ละฝ่ายมีกันกี่คน เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุมี 2 กลุ่ม ทั้ง 2 กลุ่ม มีคนรวมกันประมาณ 10 คน ตำรวจจะเรียกเจ้าของร้านมาสอบปากคำเพิ่มเติม ถึงมาตรการการตรวจอาวุธปืนของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้บริการด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนพกสั้น ขนาด .380 มม. และอาวุธปืนขนาด 9 มม. เป็นปืนที่มีทะเบียน แต่ไม่ตรงกับชื่อของผู้ต้องหา ตำรวจกำลังขยายผลไปยังเจ้าของอาวุธปืน และผู้ก่อเหตุที่เหลือ
ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่า นายณัฐนนท์ มีประวัติเกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด และนายณัฐนนท์มีประวัติเกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์
ด้าน พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยเพิ่มเติมว่า อาวุธที่ผู้ก่อเหตุลักลอบนำเข้าไปในงานได้นั้น ผู้ต้องหาให้การว่าซุกไว้ที่หว่างขา เนื่องจากการตรวจค้นจะค้นเฉพาะบริเวณเอว เบื้องต้นทราบตัวละครทั้งหมดแล้ว อยู่ฝั่งธนฯ ทั้งหมด ซึ่งเชื่อว่าอาวุธจะมีมากกว่านี้ ขณะนี้จึงสั่งให้ชุดสืบสวนติดตามตัวในหลายท้องที่และหลายจังหวัด
คดีนี้ก็เป็นอีกคดีหนึ่งที่นับว่าสร้างผลสะเทือนต่อการท่องเที่ยวไทยที่กำลังฟื้นตัวคึกคักอยู่พอสมควร ส่วนจะมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวโดยรวมหรือไม่ ยังต้องติดตามกันต่อไป