คอลัมน์หมายเลข 7 : ผบ.ตร. ยอมรับ มีส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ตั้งชุดเฉพาะกิจลุยสอบ

ข่าวภาคค่ำ - ยังเป็นเรื่องที่รอการแก้ไข กับสารพัดส่วยที่จ่ายให้เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นปัญหาเรื้อรังมานานหลายสิบปี เริ่มมีความหวังยกเครื่องครั้งใหญ่ ปมส่วยรถบรรทุก จากนี้จะเดินหน้าอย่างไร ให้ได้ผลจริงจัง แต่ละปีมีเม็ดเงินหมุนเวียนในวงจรสีเทานี้เท่าไหร่ หาคำตอบในคอลัมน์หมายเลข 7

เป็นหนึ่งในคลิปเสียงที่ผู้อยู่ในแวดวงรถบรรทุก ให้ข้อมูลกับสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ฉายภาพให้เห็นวิวัฒนาการของส่วยรถบรรทุก จากการจ่ายหน้าด่านชั่งน้ำหนัก มาเป็นรูปแบบติดสติกเกอร์ ซึ่งในปัจจุบันมีมากกว่า 60 รูปแบบ มีทั้งมาเฟียเอกชน รับหน้าเสื่อประสานตำรวจ และตำรวจเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยแต่ละป้ายจะกินพื้นที่ต่างกัน ภาคไหนใช้สติกเกอร์รูปอะไร จะเป็นที่รับรู้กันในพื้นที่ ถ้าแบกน้ำหนักแบบไม่อั้น สนนราคาสำหรับรถบรรทุกสิบคันต่อหนึ่งเดือน จะอยู่ที่ 25,000-27,000 บาท

สารพัดสติกเกอร์ที่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ออกมาเปิดโปง ไปจนถึงความพยายามซ่อนตัวของขบวนการนี้ ที่ใช้ลูกเล่นเลิกติดสติกเกอร์ด้านนอก ใช้วิธีติดด้านในแทน ไปจนถึงให้เปลี่ยนเป็นการโชว์พวงกุญแจแทน สะท้อนว่าขบวนการเหล่านี้ไม่คิดหยุด แม้กระแสสังคมจะร้อนแรง จนผู้บังคับการตำรวจทางหลวงคนเดิม ต้องขอย้ายตัวเอง เปิดทางให้มีการสอบสวนอย่างโปร่งใสไปแล้วก็ตาม

จากข้อมูลของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย พบว่า ในแต่ละปีพบรถบรรทุกจ่ายส่วยประมาณ 120,000 คัน หรือคิดเป็นมูลค่าราคา 1,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือคิดเป็น 12,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นมูลค่ามหาศาล ขณะที่ภาครัฐต้องสูญเสียงบประมาณทั้งในความดูแลของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และท้องถิ่น มากกว่า 100,000 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมถนนเป็นวงจรทุจริต ที่ต้องเร่งสะสาง

หลายหน่วยงานขยับ ทำท่าเอาจริงเอาจัง อย่าง ผบ.ตร. ถือเป็นครั้งแรกที่ยอมรับว่าส่วยรถบรรทุกมีจริง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพราะเมื่อยอมรับว่ามีปัญหาการแก้ไขก็จะทำได้ตรงจุดมากขึ้น

หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก คำนี้ยังใช้ได้ดีกับการสกัดการทุจริตคอร์รัปชัน ตราบใดที่ระดับนโยบายไม่ปากว่าตาขยิบ ระดับปฏิบัติก็จะมีความยำเกรงในการแสวงหาประโยชน์ ในทางกลับกัน หากไม่มีการจ่ายส่วย การรับส่วยก็เกิดไม่ได้ ถ้าต้นทางทำถูกกฎหมายเสียแต่แรก