ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

เช็กแล้วคลิปประชุมไม่ตัดต่อ สมชัย ยันเป็นหลักฐานได้

เช้านี้ที่หมอชิต - กลายเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ หลังมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอการประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีว่า บริษัทยังไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับสื่อ ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารบันทึกการประชุม ซึ่งเรื่องนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร มองว่า เป็นหลักฐานสำคัญ ทำให้สถานการณ์ของ นายพิธา ดีขึ้น

นี่เป็นคลิปการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งในคลิป นายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานคณะกรรมการบริษัท ในฐานะประธานที่ประชุม ได้ตอบคำถามต่อที่ประชุมของ นายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน ผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุม ถึงสถานะของบริษัท ไอทีวี กับคำถาม มีการดำเนินงานเกี่ยวกับสื่อหรือไม่ โดยในคลิป นายคิมห์ ระบุว่า ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน

ซึ่งไม่ตรงกับเอกสารบันทึกการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ในวันดังกล่าว กลับให้คำตอบว่า ปัจจุบัน บริษัทยังดำเนินการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ

ต่อมา นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ตั้งข้อสังเกตว่า คลิปวิดีโอดังกล่าวบางช่วงมีการสะดุด คล้ายเป็นการบันทึกที่ไม่ต่อเนื่องหรือตัดต่อบางประโยคหรือไม่ จึงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้รอบคอบ หาผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ต่อไป

แต่หลังจากดูคลิปเต็มจาก The Reporter ความยาว 3 นาที นายสมชัย โพสต์อีกครั้งว่า คลิปมีการตัดออกเพียงเสี้ยววินาที ในช่วง dead air คือ ไม่มีการพูด เลยเฉือนทิ้งออกไป ทำให้ภาพกระตุก ดังนั้น คลิปนี้จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ต้องส่งให้ กกต. พร้อมการรับรองจากบุคคลที่ส่ง และทำให้การวินิจฉัยของ กกต. ในเรื่องนี้น่าจะมีทิศทางไปในทางที่ดีขึ้นมาก

ทีมข่าวเช้านี้ที่หมอชิต สอบถามเรื่องนี้จาก นายสมชัย ระบุว่า หลังจากฟังคลิปเต็มที่เผยแพร่ออกมา ดูแล้วไม่น่าจะตัดต่อ ทำให้สถานการณ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลดีขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่า นายพิธา จะพ้นผิด 100% ประเด็นถือหุ้นยังเคลียร์ไม่จบว่า การโอนมรดกหุ้นถูกโอนออกไปตั้งแต่วันลงสมัครรับเลือกตั้งหรือเปล่า ก็ยังเป็นประเด็นที่ต้องถกเถียงกันต่อไป

แต่เมื่อดูจากเจตนารมณ์กฎหมายการถือหุ้นสื่อ คือ ไม่ต้องการให้ สส. ใช้สื่อที่ตัวเองเป็นเจ้าของในการสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ซึ่งกรณีของ นายพิธา ไม่ใช่ ถ้าตนเป็นคนพิจารณาจะดูจากเจตนารมณ์ แต่ถ้ามองในแง่มุมของกฎหมายว่าเป็นสื่อหรือไม่ ก็อาจจะน่าหนักใจ ซึ่งโอกาสที่ นายพิธา จะรอดจากคดีถือหุ้นสื่อยัง 50-50 อยู่ ขึ้นอยู่ว่า กกต. จะใช้บรรทัดฐานอะไรในการวินิจฉัย แต่ถ้าดูจากเจตนารมณ์รอดแน่นอน

ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองมองว่า เป็นขบวนการที่พยายามขัดขวางการขึ้นเป็นนายกฯ ของ นายพิธา นั้น นายสมชัย มองว่า ไม่ว่าใครจะเข้าสู่อำนาจทางการเมืองย่อมมีคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย และคนเสียประโยชน์คงหาวิธีการเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้คนคนนั้นไม่ได้เป็นนายกฯ ถ้าถามว่า เป็นขบวนการหรือไม่ มองในเชิงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คือ คล้ายมีพล็อต

นายสมชัย มองว่า แม้ นายพิธา จะรอดจากคดีถือหุ้นสื่อ ก็อาจจะติดปัญหาในขั้นการโหวตเลือกนายกฯ เพราะยังไม่มีสัญญาณในทางบวกจากฝั่ง สว.

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark