ข่าวในหมวด ประเด็นร้อนออนไลน์

จุดจบคนบูลลี่! "น้องทราย" ฟ้องคนแชร์รูปใส่บิกีนี่ เมนต์คุกคาม สุดท้ายต้องขอเงินพ่อแม่มาจ่ายชดใช้


เตือนใจพวกบูลลี่! "ทราย เบญจพร" ฟ้อง หนุ่มแชร์ภาพใส่บิกีนี่ ไปคอมเมนต์บูลลี่ คุกคามทางเพศสนุกปาก เรียกค่าเสียหาย 2 แสนไม่มีจ่าย สุดท้ายต้องขอพ่อแม่มาชดใช้ จบที่ 3.5 หมื่นบาท 

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อ ทราย-เบญจพร เจษฎากานต์ หรือ "น้องทราย" เจ้าแม่คอสเพลย์เมืองไทย โพสต์ข้อความในเพจ Framsook Lek Lek กรณีถูกบูลลี่ คุกคามทางเพศ หลังมีผู้ชายคนหนึ่ง ได้เข้ามาแชร์ภาพเธอใส่ชุดบิกีนี่เที่ยวทะเลไปลงในกลุ่ม พร้อมเขียนข้อความลามก อนาจาร และมีคนเข้ามาร่วมคอมเมนต์กันอย่างสนุกปาก จนเจ้าตัวตัดสินใจฟ้องร้องดำเนินคดี

ล่าสุดผู้กระทำผิดเจอจุดจบ ต้องชดใช้ค่าเสียหายในความคะนองปาก ซึ่งคู่กรณีได้โพสต์ขอโทษผ่านโซเชียลฯ ด้วย บอก "ตามที่ผมนาย XXX XXX ได้แชร์โพสเฟสบุ๊คของ framsook lek lek ทำให้คุณ Benjaphorn Chetsadakan เจ้าของเพจ Framsook Lek Lek ในทางเสียหาย ในวันนี้ผมจึงได้ขอโทษในสิ่งที่ผมได้ทำลงไปและได้ชำระค่าเสียหายให้เป็นที่พอใจแล้วเป็นจำนวนเงิน 35,000 บาท และข้าพเจ้าจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีก"

โดยน้องทราย ได้โพสต์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น ระบุว่า "วันหนึ่งมีคนทักเข้ามาในเพจว่ามีคนแชร์รูปทรายไปในกลุ่มๆ หนึ่ง ข้อความก็อย่างที่เห็นเลยค่ะ ทรายได้แต่สงสัยว่าเราไปทำอะไรให้พวกเขาไม่พอใจเหรอ การไปเที่ยวทะเลแล้วใส่ชุดว่ายน้ำมันผิดกาลเทศะ? รึว่าแค่เพราะเราอ้วนจึงถูกรังเกียจ
.
ตอนแรกคิดว่าอยากเข้าไปโต้ตอบพวกเขาเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าเราต้องมีความคิดต่ำๆ ขนาดไหนถึงจะสามารถพิมพ์ข้อความแบบนั้นได้ เราเลยปกป้องตัวเองด้วยวิธีทางกฎหมาย
.
ทรายไปศาลทุกครั้งทั้งๆ ที่แค่ส่งทนายไปก็ได้ ทรายไปเพราะอยากเจอคู่กรณี อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาพูดกับเราแบบนั้น อยากรู้ว่าถ้าเขาเจอหน้าเรา จะขอโทษมั้ยและก็เป็นไปตามคาดไม่มีคำเหล่านั้นหลุดออกมา
.
ทรายเรียกไป 2 แสนซึ่งเป็นโทษสูงสุด ทางนั้นยื่นมาว่าขอให้แค่ 3 หมื่น เพราะเขาเป็นแค่พนักงานโรงงานเงินเดือนแค่ 15,000 แน่นอนว่าทรายไม่ยอม ไม่ใช่เพราะมันน้อยไปหรอกนะแต่เพราะมันดูง่ายไป
.
เมื่อทรายไม่ยอมผู้พิพากษ์ษาก็เรียกไปคุยหน้าบัลลังก์ ทรายบอกท่านว่า งานเราใช้ชื่อเสียงและการกระทำของเขาอาจทำให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการจ้างงานได้ ท่านผู้พิพากษาแนะนำว่าให้ไปไกล่เกลี่ยกันอีกที และคนที่จะเข้ามาจ้างงานก็น่าจะมีวิจารณญาณว่าเราไม่ใช่คนผิดเพราะเราไม่ได้เป็นคนทำ ประโยคนี้ทำเราใจชื้นขึ้นมาเยอะเลย 
.
สุดท้ายเราเลยยื่นตัวเลขไปว่า 50,000 งวดเดียว หรือ70,000 แบบทยอยจ่าย แล้วเราก็จะถอนฟ้องให้ แต่ทางนั้นก็พูดมาอย่างเดียวว่าตอนนี้ไม่มี โอเคร งั้นเราให้เวลาอีก 1 เดือน แล้วมาเจอกันครั้งหน้าซึ่งเป็นนัดไกล่เกลี่ย
.
จนมาถึงวันนัดไกล่เกลี่ย เริ่มจากเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยเรียกทางเราเข้าไปก่อน ท่านพูดคุยให้คำปรึกษากับเราซึ่งดีมาก ท่านบอกว่าถ้าจบเร็วจะเป็นผลดีต่อเรานะ ทั้งเรื่องเวลาและชื่อเสียงด้วย เราเลยยื่นไปว่าถ้า 40,000 ได้ ทางเราจะถอนฟ้องให้ (คดีนี้เป็นอาญานะคะ)
.
จากนั้นเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยก็เรียกอีกฝ่ายเข้าไปคุย (เป็นการสลับกันเข้าไป) ประมาณ 10 นาที มีเจ้าหน้าที่มาตามเราและทนายเข้าไปในห้องเพื่อคุยกับคู่กรณีแบบเผชิญหน้า เจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยแจ้งว่าทางนั้นมีแค่ 35,000 เพราะมาจากโคราชมีเงินอยู่เท่านี้ และเงินจำนวนนี้คือเงินของพ่อแม่ไม่ใช่เงินของลูกชายผู้กระทำผิดเพราะเขาไม่มี อยากให้ถอนฟ้องอยากให้เรื่องจบจะให้พ่อแม่มาไหว้ขอโทษแทนก็ยอม
.
เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าทำไมเราถึงยอมให้เรื่องจบด้วยเงิน35,000 อันที่จริงมันอาจจะเป็นแค่เทคนิคในการต่อรองหรืออะไรก็ไม่รู้แหละ แต่การจะให้คนอายุจะ 70 มาขอโทษเรา ทั้งๆที่พวกเค้าไม่ได้ทำผิดอะไรเราว่ามันไม่ควรจริงๆ
.
ส่วนตัวคนกระทำผิดเราบอกให้โพสขอโทษลงโซเชี่ยล กลับตอบเรามาว่าแค่ขอโทษซึ่งหน้าไม่ได้เหรอ เราบอกไม่ได้ทีคุณยังแชร์เรื่องเราไปโพสบนโซเชี่ยลเลยและต้องแท็กเพจกับเฟสเรา ห้ามลบด้วย
เขาก็แค่โพสตามที่ทุกคนเห็นและไม่ได้เอ่ยขอโทษต่อหน้าเราสักคำ
.
ทรายใช้ระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 8 เดือนในการดำเนินคดีไปศาลทั้งหมด 3 ครั้ง อ่านข้อความเหล่านั้นซ้ำๆ แบบนับไม่ถ้วนและคิดว่าเป็นเพราะเราอ้วนแค่นั้นเองเหรอ เรื่องนี้มันมีผลกระทบต่อจิตใจเรามาตลอด ในโลกโซเชี่ยลที่ทุกคนเห็นเราดูเป็นคนมั่นใจและสดใสคือเราต้องพยายามสร้างสิ่งนั้นเพื่อกดทับเรื่องเหล่านี้ไว้
.
สุดท้ายทรายอยาก "ขอ" ว่าอย่าคอมเม้นท์ด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง อย่าให้เขามาหาผลประโยชน์จากความไม่พอใจของเราได้ และที่สำคัญอย่าไปว่าพ่อแม่รึคนรอบข้างเขาเลยพวกเขาไม่ได้ผิดอะไร ทรายชอบประโยคนึงจาก Forrest gump "จงสุภาพกับทุกคน แม้คนนั้นจะหยาบคายกับคุณก็ตาม ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่เพราะคุณเป็นคนดี"

อย่างไรก็ตาม หลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ออกไป หลายคนนึกว่าเรื่องจบลงด้วยดี เพราะได้มีการไกล่เกลี่ย ชดใช้ค่าเสียหายกันแล้ว แต่เหมือนฝ่ายคู่กรณีจะยังไม่จบ โดยเขาก็ได้ออกมาโพสต์โต้แย้ง ว่าสิ่งที่น้องทรายโพสต์นั้นบิดเบือน และตนจะฟ้องกลับอย่างแน่นอน


ล่าสุดวันนี้ (25 ส.ค.66) น้องทรายจึงได้ออกมาโพสต์ชี้แจงผ่านเพจ Framsook Lek Lek อีกครั้ง พร้อมเล่ารายละเอียดว่า

ตอนแรกก็นึกว่าจะจบแล้วแต่มีคนแคปมาให้ดูว่าทางนั้นน่าจะยังไม่จบ ทรายขออธิบายในมุมของทรายบ้าง

- ทรายตั้งใจฟ้อง พรบ.คอมนำเข้าสื่อลามกฯลฯ ไม่ได้จะฟ้องหมิ่ประมาทเลย เพราะปรึกษาทนายแล้วว่าถ้าฟ้องหมิ่นอาจโดนยกฟ้อง เพราะเขาไม่ได้เอ่ยชื่อเราโดยตรง แต่ถ้าฟ้องนำเข้าน่าจะเข้าข่ายมากกว่า ทรายเชื่อคำแนะนำที่ทนายของทรายบอก เพราะเขาได้ศึกษามาอย่างถี่ถ้วนแล้ว อีกอย่างทรายเคยขึ้นศาลด้วยคดีฟ้องหมิ่นมาแล้ว 2 ครั้ง เลยพอจะมีประสบการณ์อยู่บ้าง

-เรื่องที่บอกว่าเขาขอผมไกล่เกลี่ย ฮะ!!! ทรายโดนกระทำแต่ต้องไปขอร้องเขาไกล่เกลี่ยเหรอ เอ้า! ถ้าอย่างนั้นทรายจะฟ้องทำไม "การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นกระบวนการที่ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วโดยไม่ต้องมีใครร้องขอ"

-ในเรื่องไกล่เกลี่ยทนายของคุณบอกกับทางเราว่า เขาทำงานโรงงาน ไม่ได้มีเงินเยอะ พร้อมจะชดใช้แค่ 3หมื่น

-เรื่องที่คุณบอกว่าเราบิดเบือนคือเรื่องไหน เรื่องที่ท่านผู้ไกล่เกลี่ยแจ้งว่าครอบครัวคุณเดินทางมาจากโคราชมีเงินมาจำนวน 35,000 บาท และถ้าพ่อแม่ขอโทษแทนลูกได้ก็ทำไปแล้ว รึว่าเรื่องที่คุณบอกเราว่าขอโทษแค่ซึ่งหน้าไม่ได้เหรอ ในห้องไกล่เกลี่ยมีท่านผู้ไกล่เกลี่ย มีเจ้าหน้าที่ประณีประนอม มีผู้อยู่ในห้องใกล่เกลี่ยทั้งหมด 11 คน รวมถึงพ่อแม่คุณด้วยมันไม่ใช่แค่เราสองคน จะได้โกหกกันไปมาได้

-และที่คุณบอกว่าจ่ายจบ ยุติ ทำไมมันดูง่ายจัง คุณไม่เคยเดินมาขอโทษเรา ไม่เคยถามว่าจิตใจเราเป็นอย่างไรบ้าง คิดว่าเงินที่คุณชดใช้มาพอกับค่าไปปรึกษากับจิตแพทย์มั้ย

-ไม่คิดว่าเราจะเอามาทำเป็นคอนเทนต์ คือเราแค่ออกมาอธิบายในพื้นที่ของเรา เพราะคุณก็แชร์ภาพเราไปจากตรงนี้ไง เราทนกับสิ่งเหล่านี้มา 8 เดือน รอให้สิ้นสุดขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อที่เราจะสามารถอธิบายได้ว่าเราโดนอะไรมาบ้าง ย้ำว่าเราทนมา 8 เดือน แต่คุณเพิ่งโดนแค่วันเดียวคุณก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับชีวิตคุณซะแล้ว

-และที่คุณบอกว่าจะฟ้องเรากลับไม่ว่าจะด้วยข้อหาอะไรก็ตาม เรายินดีที่จะเดินทางไปขึ้นศาลและพร้อมที่จะดำเนินตามขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม จะเคารพในคำตัดสิน ถ้าหากเราเป็นฝ่ายผิดก็พร้อมจะขอโทษอย่างจริงใจและเยียวยาค่าเสียหายด้วยเงินที่เราหามาได้ด้วยตัวเองโดยไม่เบียดเบียนครอบครัว

-สุดท้ายคุณอย่าใช้คำว่า "สำนึก" กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยค่ะมันฟังแล้วดูจั๊กจี้







 

BUGABOONEWS
ภาพ / ข้อมูลจาก Facebook : Framsook Lek Lek

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark