ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

แม่จากนราธิวาสใจสลาย ร้องมูลนิธิปวีณาช่วย รพ.ประจำอำเภอไร้หมอสูตินรีเวชทำคลอด มีเพียงพยาบาล 2 คน


วันนี้ (6 ต.ค. 66) น.ส.แซน (นามสมมุติ) พร้อมญาติ เดินทางมาจาก จ.นราธิวาส เข้าร้องทุกข์กับ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ให้ช่วยขอความเป็นธรรม เนื่องจาก ลูกเสียชีวิตขณะทำคลอดที่โรงพยาบาลอำเภอแห่งหนึ่งใน จ.นราธิวาส โดยมีพยาบาลทำคลอด 2 คน แต่เด็กตัวใหญ่ทำให้หัวไหล่ติดอยู่คาช่องคลอดออกมาไม่ได้ พยาบาลจึงรีบไปตามแพทย์มาช่วยนำเด็กออกมาได้ แต่ชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ

น.ส.แซน กล่าวว่า ตนตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 มีกำหนดคลอดวันที่ 26 ส.ค. 66 จากการอัลตราซาวด์แพทย์บอกเป็นเด็กผู้ชายตัวใหญ่ แข็งแรงดี ต่อมาวันที่ 11 ส.ค. 66 แม่ได้ไปพบแพทย์ตามนัดก่อนคลอด ตรวจพบว่ามีภาวะความดันโลหิตสูงและเป็นเบาหวาน แพทย์จึงให้นอนแอดมิตเพื่อดูอาการ เพราะความเสี่ยงต่อแม่และลูกในครรภ์

กระทั่งวันที่ 14 ส.ค. 66 พยาบาลได้ให้ยากระตุ้นคลอด 3 ครั้ง จากนั้นเวลา 22.00 น. ตนเริ่มปวดท้อง พยาบาลมาดูพบว่ามดลูกเปิด 2 ซม. ต่อมาเที่ยงคืนเข้าวันที่ 15 ส.ค. 66 แม่ปวดท้องหนักขึ้น พยาบาลมาดูอีกครั้งพบมดลูกเปิด 7 ซม. จึงได้พาเข้าห้องคลอด ซึ่งภายในห้องคลอดมีพยาบาลอยู่ 2 คน โดยไม่มีแพทย์มาทำคลอด และพยาบาลทำคลอดกันเอง แต่เนื่องจากเด็กตัวใหญ่ทำให้หัวไหล่ติดออกไม่ได้ พยาบาลจึงไปตามแพทย์เวรมาดู และมีการกรีดช่องคลอดนำเด็กออกมา เด็กมีน้ำหนักถึง 4,230 กรัม และมีชีพจรอ่อน แพทย์จึงได้ให้ออกซิเจน และทำการปั๊มหัวใจอยู่ประมาณ 40 นาที

ต่อมาแพทย์แจ้งว่าจะส่งตัวเด็กไปรักษาต่อที่โรงพยาประจำจังหวัด และได้ปั๊มหัวใจต่ออีก 5 นาที กระทั่งลูกได้เสียชีวิตลงในเวลา 03.20 น. จากนั้นโรงพยาบาลอำเภอได้ส่งตัวแม่ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัด เนื่องจากอุปกรณ์การแพทย์ไม่เพียงพอ โดยแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตของลูก เกิดจากภาวะขาดออกซิเจนอย่างรุนแรงในทารกแรกเกิด

อย่างไรก็ตาม นางปวีณา ได้ช่วยประสาน นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิ ระดับ 11) และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.ชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส จนได้รับการอนุมัติเงินเยียวยากรณีคลอดลูกเสียชีวิต 4.5 แสนบาท เป็นส่วนของแม่ 9 หมื่นบาท และส่วนของลูก 3.6 แสนบาท

น.ส.แซน บอกอีกว่า ตอนนี้ตนและครอบครัวก็ยังทำใจไม่ได้ ฝากเป็นอุทาหรณ์ ขอให้ครั้งนี้เป็นรายสุดท้ายที่ต้องสูญเสียลูก ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับใครอีก และขอให้โรงพยาบาลปรับปรุงให้ดูแลคนไข้อย่างรวดเร็ว ให้มีหมอสูตินารีเวชมาทำคลอด ไม่ใช่มีเฉพาะพยาบาล เมื่อมีเหตุฉุกเฉินก็ไม่สามารถตัดสินใจเองได้

ด้าน นางปวีณา กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ ได้ประสาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนผู้เสียหายได้รับการเยียวยาเต็มวงเงิน และจะเร่งจ่ายเงินให้เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ฝากถึงกระทรวงสาธารณสุขให้ความสำคัญกับกรณีมารดาตั้งครรภ์ใกล้คลอด แล้วมีภาวะแทรกซ้อนฉุกเฉิน จำเป็นต้องมีแพทย์สูตินรีเวชประจำโรงพยาบาล วินิจฉัยในการรักษาให้ทันต่อเหตุการณ์ ว่าจะทำการผ่าตัด หรือส่งไปโรงพยาบาลจังหวัดให้ทันเวลา

ทั้งนี้ ที่ผ่านมามูลนิธิปวีณาฯ ได้รับร้องทุกข์กรณีคลอดลูกเสียชีวิต บางรายทั้งแม่และลูกเสียชีวิตหลายราย หลายจังหวัด ส่วนใหญ่เป็นกรณีครรภ์เป็นพิษ เด็กไม่กลับหัว เด็กตัวใหญ่ เช่น รายนี้นางพยาบาลได้ฉีดยาเร่งคลอดก่อนแพทย์จะมาถึง โดยไม่ได้วินิจฉัยว่าจะคลอดลูกตามธรรมชาติได้หรือไม่ หากแพทย์ตัดสินใจส่งโรงพยาบาลจังหวัด เพื่อทำการผ่าตัด เด็กก็จะไม่เสียชีวิต จะเห็นได้ว่าโรงพยาบาลไม่ได้เตรียมการให้แพทย์มาตรวจดูอาการวินิจฉัย ตัดสินใจให้ทันต่อเหตุการณ์

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark