ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

สาววัย 27 อุ้มลูกหนีออกจากห้องเช่า หลังโดนสามีที่เมาทำร้าย สุดท้ายได้ ผกก.สภ.ไทรน้อย ช่วยเหลือ


สาววัย 27 อุ้มลูกวัย 3 ขวบ หนีออกจากห้องเช่า ทั้งที่ไร้เงินติดตัว หลังโดนสามีที่เมาทำร้ายและไล่ออกจากห้อง สาวอุ้มลูกเดินกว่า 10 โล หวังนำโทรศัพท์มาขายหาเงินกลับบ้านที่เชียงราย แต่ไม่มีใครรับซื้อ สุดท้ายได้ ผกก.สภ.ไทรน้อย ช่วยเหลือ

วันที่ 14 พ.ย.66 เวลา 17.30 น.ที่ สภ.ไทรน้อย ต.ไทรน้อย อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี น.ส.นิตยา อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย พร้อมลูกชายวัย 3 ขวบ เดินจากห้องพักย่านหนองเพรางาย ต.ไทรน้อย จ.นนทบุรี ระยะทางกว่า 10 กม.หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา โดนแฟนหนุ่มซ้อมและไล่ออกจากห้องพัก จึงนำโทรศัพท์มือถือของตนเองไปขาย เพื่อหาเงินเป็นค่ารถเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเชียงราย แต่ที่ร้านไม่รับซื้อ จึงเดินไปเรื่อยๆ พร้อมอุ้มลูกชายวัย 3 ขวบ จนมาถึงโรงพักไทรน้อย
โดย.ส.นิตยา ต้องการนำโทรศัพท์มือถือ มาขายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.ไทรน้อย จะเข้ามาสอบถามและให้ความช่วยเหลือ เบื้องต้น พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.ไทรน้อย ขอตรวจบัตรประชาชน เนื่องจาก น.ส.นิตยา พูดภาษาไทยไม่ชัด พบว่ามีบัตรประชาชน และไม่มีประวัติอาชญกรรมใดๆ จึงได้สอบถามถึงปัญหาและอยากให้ช่วยเหลือเรื่องใด

ซึ่งทาง น.ส.นิตยา ต้องการเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดเชียงราย จึงได้มอบเงินจำนวน 2,500 บาท ให้เป็นค่าเดินทางและค่าข้าว ก่อนจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถไปส่งที่สถานีขนส่ง เพื่อให้ทั้งคู่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย

น.ส.นิตยา เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตนกับแฟนคบและอยู่กินกันมา 12 ปีแล้ว มีลูกด้วยกัน 3 คน ผู้หญิง 2 คน ผู้ชาย 1 คน โดย 2 คนโตอยู่กับแม่ที่เชียงราย ส่วนลูกชายคนเล็กอยู่กับตนที่นนทบุรี โดยแฟนของตนทำงานรับจ้างทั่วไป ส่วนตนไม่ได้ทำงานอยู่เลี้ยงลูกที่ห้องพัก เมื่อคืนที่ผ่านมา (วันที่ 13 พ.ย.) ได้มีการทะเลาะกันเรื่องเงิน แฟนของตนดื่มเหล้าแล้วมีอาการเมา จากนั้นได้เตะเข้าที่หน้าบริเวณคาง และได้เตะที่แขนและขาอีกหลายครั้ง และไล่ตนออกจากห้องพัก

ขณะที่เกิดเรื่องลูกชายวัย 3 ขวบ ก็ยืนร้องไห้อยู่ข้างๆ ในเวลาต่อมา พอถึงตอนเช้าตนตัดสินใจอุ้มลูกหนีออกมา โดยไม่มีเงินติดตัวซักบาท คิดว่าจะเอาโทรศัพท์มือถือของตนไปขายที่ร้าน เพื่อนำเงินไปเป็นค่ารถทัวร์กลับบ้านที่เชียงราย แต่พอนำโทรศัพท์ไปขายที่ร้านโทรศัพท์ไม่มีใครรับซื้อเลย ซึ่งตั้งแต่เช้า ตนกับลูกก็ยังไม่ได้กินข้าว จนกระทั่งเดินมาถึงร้านรับซื้อโทรศัพท์ร้านสุดท้าย เขาก็ไม่รับซื้อ แต่ให้เงินมา 40 บาท เพื่อซื้อน้ำและนมให้ลูก

จนกระทั่งเดินมาถึงที่โรงพัก ก็คิดว่าจะเอาโทรศัพท์มาขายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แค่โชคดีมากที่เจอเจ้าหน้าที่ตำรวจใจดี เขาให้เก็บโทรศัพท์ไว้ และช่วยเหลือค่ารถทัวร์และค่าข้าวเป็นเงิน 2,500 บาท พร้อมพาไปส่งที่สถานีขนส่ง ตนต้องของคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่นี้มากๆ หากวันนี้ไม่มีใครช่วยเหลือก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะพาลูกไปนอนที่ไหน

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark