ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

ลูกชายร้อนเงิน แอบขายบ้านทิ้งพ่อ-แม่ป่วยติดเตียง


สะเทือนใจ! ลูกชายร้อนเงินแอบขายบ้าน ทิ้งพ่อ-แม่ป่วยติดเตียงอยู่บ้าน สุดท้ายความแตกตอนคนซื้อไปดูบ้านเตรียมรีโนเวท เผยเสียใจลูกชายทำได้ลงคอ เชื่อติดพนัน ส่วนคนซื้อลำบากใจ จะไล่ก็สงสาร 

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความเล่าว่า ได้ไปซื้อบ้านหลังหนึ่งที่ จ.เชียงใหม่ แต่เมื่อจะเข้าไปรีโนเวทบ้านกลับพบว่า มีสองตายายที่เป็นพ่อแม่ของคนขายนอนที่ป่วยติดเตียงและไม่ยอมย้ายออก ส่วนลูกชายที่เป็นคนขายบ้านก็หายตัวไปติดต่อไม่ได้อีกเลย ทำให้เจ้าของบ้านคนใหม่จนปัญญา จะใช้กฎหมายบังคับก็สงสาร
 
โดยโพสต์ระบุว่า "พ่อแม่อยู่บ้าน ลูกร้อนเงิน เอาบ้านมาแอบขาย ขายบ้านเสร็จ ลูกหนีหาย ทิ้งพ่อแม่ แม่ป่วยติดเตียง พ่อทำงานรับจ้าง อยู่กันสองตายาย ไม่ย้ายออก ขอยอมตายที่นี่ ผมกับน้องซื้อเข้ารีโนเวท ดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่นกว่า จะครบปีละจ่ายดอกไป 2 แสนบาท ก็เห็นใจลุงกับป้า จะสงสารใครก่อนดี? การเจรจาครั้งสุดท้าย!!! กับข้อเสนอ หาบ้านเช่าให้และจ่ายค่าเช่าให้ล่วงหน้า 1 ปี พร้อมช่วยดูแลการขนย้ายให้ฟรี หากไม่รับเงื่อนไข คงต้องรอคำสั่งศาลเท่านั้นครับ #บ้านมือสองเชียงใหม่"
 
ล่าสุดในวันนี้ (22 มี.ค. 67) ทีมข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบบ้านหลังดังกล่าว อยู่ในพื้นที่ ต.ท่าวังตาล อ.สารภี เป็นบ้านชั้นเดียวขนาด 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ในบ้านมีนายบุญทา 65 ปี และนางอัมพร อายุ 56 ปี สามีภรรยาอาศัยอยู่ โดยนางอัมพร ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งซีก เป็นผู้ป่วยติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ส่วนนายบุญทา ก็ป่วยด้วยโรคท้าวแสนปมและร่างกายไม่แข็งแรง
  
นางอัมพร เล่าว่า ก่อนหน้านี้เป็นแม่ค้าขายอาหารย่านประตูเชียงใหม่และถนนคนเดินวัวลาย อาศัยอยู่กับญาติในตัวเมือง ต่อมาในเดือนพฤษภาคม ปี 2564 ได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตที่ได้จากการขายที่ดินมาซื้อบ้านหลังนี้ในราคา 1.9 ล้านบาท หวังให้เป็นบ้านหลังแรกและหลังสุดท้าย

ต่อมา ในเดือนธันวาคม 2564 ตนเองได้ไปฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ปรากฏว่าฉีดวัคซีนได้คืนเดียว วันรุ่งขึ้นก็กลายเป็นอัมพาตครึ่งซีก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล แพทย์ระบุว่า มาจากอาการเส้นเลือดตีบ หลังจากออกโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้าน จากนั้นลูกชายคนโต อายุ 30 ปี พาไปทำกายภาพบำบัดพร้อมกับบอกว่า ต้องการเงินไปเซ้งร้านเปิดขายอาหารตามสั่ง ขอเอาบ้านไปขายฝาก พร้อมกับรับปากว่าจะไม่ทอดทิ้งและจะดูแลพ่อแม่ตลอดไป ตนเองจึงยอมเซ็นชื่อยอมให้ขายฝาก โดยลูกชายได้เงินไป 3 แสนบาทจากการขายฝาก

หลังจากนั้นตนเองที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงก็ไม่มีความสามารถไปค้าขายได้เหมือนเดิม มีรายได้เพียงเงินเบี้ยคนพิการ ส่วนสามีก็รับจ้างขายของได้เงินวันละสองร้อยบาท ก็ต้องอยู่กันอย่างประหยัด โดยมีลูกชายคนเล็กแวะเวียนมาดูแลเป็นครั้งคราว ส่วนลูกชายคนโตทราบว่าได้เงินไปแล้วไม่ได้เอาไปเปิดร้านและก็หายตัวไป นาน ๆ จะมาหาที

กระทั่งช่วงต้นปี 2566 ได้มีคนมาดูบ้าน ทำให้รู่ความจริงว่าบ้านถูกลูกชายคนโตเอาไปขายแล้วในราคา 1.4 ล้านบาท และ ขายได้มาแล้วกว่า 8 เดือน ทำให้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก โดยเจ้าของคนใหม่ได้ขอให้ย้ายออก แต่ตนเองและสามีก็ไม่มีที่ไป จึงขอร้องอยู่ต่อสักพักนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้

นางอัมพร บอกว่า ผิดหวัง ไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้ คาดว่าที่ทำไปเพราะติดพนันเ เนื่องจากเคยได้ยินลูกบอกว่าทำเว็บพนัน และเสียใจมากที่สูญเสียบ้านไปโดยไม่รู้ตัว เพราะบ้านหลังนี้เป็นทุกอย่าง เมื่อติดต่อหาลูกชายก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย อย่างไรก็ตาม ก็เข้าใจเจ้าของคนใหม่และยืนยันว่าไม่ได้ดื้อรั้นหรือขัดข้องที่จะย้ายออก เพียงแต่ไม่มีเงินมากพอที่จะออกไปหาที่อยู่ใหม่ ตอนนี้ก็กังวลใจมากเพราะทางเจ้าของใหม่แจ้งให้ย้ายออกภายในเดือนนี้ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าของใหม่จะช่วยเหลือให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปมัดจำและเช่าที่อยู่ใหม่ก็ขอบคุณ โดยในตอนนี้อยู่ระหว่างหาที่อยู่ใหม่และพร้อมจะย้ายออกทันทีหากมีความพร้อม

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark