โศกนาฏกรรม ! เพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา
สนามข่าว 7 สี - โศกนาฏกรรมรถบัสทัศนศึกษา เกิดเพลิงไหม้บนถนนวิภาวดีรังสิต นับเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อแม่ หัวใจแทบสลายต้องสูญเสียลูกหลาน ส่วนผู้รอดชีวิต 16 คน เดินทางกลับถึงภูมิลำเนาแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา
ช่วงก่อนเกิดเหตุ มีกล้องวงจรปิดบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถนนวิภาวดีรังสิต ขาเข้า อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี บันทึกภาพนาทีรถบัสประสบอุบัติเหตุ เสียหลักพุ่งชนรถเก๋งที่ขับมาตามเส้นทางปกติ ก่อนจะเฉี่ยวชนแท่งปูนแบริเออร์ แล้วเกิดเพลิงไหม้อย่างรวดเร็ว โดยพยานที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า เห็นแสงเพลิงลุกไหม้จากใต้ท้องรถ และเปิดออกได้แค่ครึ่งเดียว มีช่องว่างไม่มากพอจะนำผู้ติดอยู่ในรถลงมาได้ทั้งหมด
สอดคล้องข้อมูลจากคุณครูท่านหนึ่ง ที่นั่งมาในรถบัสคันที่ 3 เล่าว่า เห็นรถบัสคันที่เกิดเหตุ พอจอดปุ๊บ ก็มีเพลิงลุกลามไฟไหม้ มีควันคละคลุ้ง นาทีนั้นรีบลงจากรถคันที่นั่งมา วิ่งไปหารถที่เกิดเหตุ พยายามช่วยนักเรียนจำนวนหนึ่ง ออกมาจากทางหน้าต่างของรถบัส เช่นเดียวกับคุณครูที่นั่งอยู่ด้านหน้าของรถบัส คันเกิดเหตุ ช่วยเด็กออกมาได้ 10 คน รู้เสียใจ ถ้าประตูรถทางด้านหลังเปิดออกได้ นักเรียนน่าจะรอดมากกว่านี้
ตรวจสอบทราบว่า รถบัสคันเกิดเหตุเป็นคันที่ 2 จาก 3 คัน ในขบวนกำลังพานักเรียนไปทัศนศึกษาที่จังหวัดนนทบุรี โดยมีผู้โดยสารทั้งหมด 45 คน แบ่งเป็นครู 6 คน นักเรียน 39 คน เรียนอยู่ตั้งแต่ชั้นอนุบาล 2 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 คน ยังไม่มีใครเสียชีวิต
ส่วนผู้ที่ไม่ได้รับอันตรายมี 16 คน เมื่อคืนที่ผ่านมาเดินทางกลับบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอีก 23 คน เป็นบุคคลสูญหาย รอการตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล
แน่นอนว่า พอเรื่องรู้ถึงผู้ปกครองของนักเรียน ต่างตกใจรีบพากันมาที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี ติดตามข่าวลูกหลานตัวเอง บรรยากาศที่โรงเรียนเต็มไปด้วยความโศกเศร้า พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย พากันร่ำไห้ระงม เป็นห่วงลูกหลาน โดยมีผู้ปกครองหลายคนร้องไห้จนเป็นลม
นางกำไร จำนงค์สังข์ ยายนักเรียนชั้น ป.1 เล่าให้ฟังทั้งน้ำตาว่า ตนมาส่งหลานที่โรงเรียนด้วยตัวเอง ตอน 05.00 น. เมื่อวาน ยืนมองจนหลานเดินขึ้นรถขับออกจากโรงเรียน ตอนนั้นดีใจที่หลานได้ไปเที่ยวทัศนศึกษากับเพื่อน ๆ แต่ไม่คาดคิดต้องเจอโศกนาฏกรรม
จะว่าไปมีนักเรียน 2 คน ซึ่งอยู่ชั้น ป.3 กับชั้น ป.6 ไม่ได้ร่วมเดินทางไปกับเพื่อน ๆ ทั้งที่ลงชื่อไว้แล้วด้วย จึงปลอดภัย ซึ่งเด็กชั้น ป.3 บอกว่า ตัวเองโชคดี เพราะแม่ไม่อนุญาตให้ไป ส่วนเด็กชั้น ป.6 ก็บอกว่า ชอบเมารถ จึงยกเลิกการเดินทาง แต่เป็นห่วงเพื่อน ๆ ทุกคน พร้อมท้ังบอกว่ารักเพื่อนมากที่สุดในโลก
ขณะนี้ทีมสนามข่าว ไปได้ภาพเอ็กซ์คลูซีฟ กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านค้า หน้าโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก บันทึกภาพไว้เวลา 04.30 น. เรื่อยไปจนถึงเวลา 05.00 น.เศษ ของวันที่ 1 กันยายน เห็นภาพผู้ปกครองขับรถยนต์ และรถจักรยานยนต์มาส่งลูกหลานที่หน้าโรงเรียน จากภาพและเสียงส่วนหนึ่งที่ได้ยินผ่านกล้อง เด็ก ๆ คุยกันสนุกสนานร่าเริง บางคนซื้อขนมที่ร้านค้าใส่สะพายกระเป๋าเป้ เตรียมตัวพร้อมไปทัศนศึกษา
อีกภาพมุมกล้องวงจรปิดเดียวกัน เป็นภาพจังหวัดที่รถบัส ขับมาจอดหน้าโรงเรียน มีผู้ปกครองหลายคนยืนดู เพื่อรอส่งลูกหลานตัวเองขึ้นไปนั่งอยู่บนรถแล้ว ระหว่างรถบัสเคลื่อนออกไปเวลา 05.48 น. สังเกตมีผู้ปกครองท่านหนึ่งที่นั่งริมมุมกล้องยกมือบาย ๆ ให้ลูกด้วย
ส่วนบรรยากาศที่โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม เมื่อคืนมีฝนตกพร่ำ ๆ ตลอด แม้ว่าพื้นที่รอบโรงเรียนจะมีน้ำท่วมขังเล็กน้อย แต่ผู้ปกครอง และญาติของนักเรียนเดินทางไปรอรับลูกหลานกันแน่นโรงเรียน อย่างใจจดใจจ่อ ทันทีที่รถบัสโดยสารจากกรุงเทพมหานคร ได้นำนักเรียนกว่า 99 คน มาส่งถึงที่โรงเรียน ได้เช็กชื่อให้ผู้ปกครองที่มารับเด็กทีละคน และให้พาลูกหลานกลับบ้านเลยทันที
ขณะเดียวกันทันทีที่ผู้ปกครองท่านหนึ่งเห็นหน้าลูกชายอายุ 12 ปี รีบโผกอดร่ำไห้ด้วยความดีใจ แต่ในใจลึก ๆ ครอบครัวนี้ต้องสูญเสียลูกสาว เรียนอยู่ชั้น ป.1 ซึ่งนั่งอยู่รถบัสคันที่ 2 ไปอย่างไม่มีวันกลับ
แน่นอนว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นหาอะไรมาชดเชยไม่ได้ แต่กระทรวงคมนาคม เยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตคนละ 1 ล้านบาท และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บคนละ 160,000 บาท พร้อมเงินเพิ่มเติมจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยที่จะประชุมในวันนี้ (2 ต.ค.)
ขณะที่ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ ช่วยกันระดมติดแฮชแท็ก #ยกเลิกทัศนศึกษา หลังเกิดเหตุสลด สร้างความสะเทือนใจให้บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองที่ได้รับข้อมูลข่าวสาร