3 วิธีป้อง ไม่ให้โดนแฮกข้อมูล จากสายชาร์จมือถือ ก็ต้องบอกเลยว่า หลายๆคนคงได้เห็นข่าวที่ทาง ตำรวจสอบสวนกลาง(CIB)ได้ออกมาเตือนภัย ให้ระวัง มิจฉาชีพ ที่มาในรูปแบบ การเสียบสายชาร์จ หากผู้ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนใช้งานอย่างไม่ระวังก็อาจเสี่ยงถูกแฮกข้อมูลต่างๆจากการเสียบสายชาร์จได้นั้นเอง

    เพราะเนื่องจากตอนนี้ ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ได้แจ้งว่าปัจจุบันพบว่ามี สายชาร์จ ที่ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point โดยเมื่อเราทำการเสียบ สายชาร์จ เข้ากับโทรศัพท์มือถือของเราแล้ว เหล่าแฮกเกอร์ก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆในอุปกรณ์ของเราได้จากระยะไกล โดยแฮกเกอร์ก็จะแฮกข้อมูลต่างๆ เช่น เลขบัญชีธนาคาร รหัสธนาคาร เป็นต้น

    โดยลักษณะของ สายชาร์จ ที่ว่านี้ ก็มีหน้าตาคล้ายกับสายชาร์จทั่วไปที่ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนได้ใช้งานกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสายชาร์จแบบ USB หรือ USB-C เป็นต้น ดังนั้นในวันนี้ HOW TO Trick จึงมี  3 วิธีป้อง ไม่ให้โดนแฮกข้อมูล จากสายชาร์จมือถือ แบบง่ายๆมาฝากกัน

• วิธีที่ 1 :  ไม่ควรบันทึกรหัสผ่านของแอป  Mobile Banking ไว้ในโทรศัพท์มือถือ เพราะหากเราถูกแฮกข้อมูล แฮกเกอร์ก็จะสามารถเข้าไปดูรหัสผ่านของแอป Mobile Banking ที่เราเซฟไว้ได้ หลังจากนั้นแฮกเกอร์ก็ทำการควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลและเอารหัสผ่านของเราไปล็อคอินแอป Mobile Banking  ได้เลย และนี้ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เงินในบัญชีของผู้ที่เสียหาย โดนดูดเงินจากบัญชีจนหมดเกลี้ยงนั้นเอง

• วิธีที่ 2 : ใช้สายชาร์จของแท้เท่านั้น หรือซื้อสายชาร์จจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือได้ จะปลอดภัยมากที่สุด ไม่แนะนำให้ซื้อสายชาร์จราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐานมาใช้งาน เพราะหากเสียบใช้งานแล้วอาจเสี่ยงถูกแฮกข้อมูลโดยไม่รู้ตัวได้นั้นเอง

• วิธีที่ 3 : หลีกเลี่ยงการเสียบสายชาร์จจากพอร์ทรูปแบบต่างๆตามที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม หรือสถานีโดยสารเป็นต้น และไม่ควรยืมสายชาร์จของคนมาใช้งานเด็ดขาด เพราะหากสายชาร์จสายนั้นได้ฝังตัวส่งสัญญาณไร้สาย Access Point ไว้ แล้วเรานำมาใช้ก็อาจจะถูกแฮกข้อมูลได้ ก็แนะนำให้ใช้สายชาร์จแท้และสายชาร์จของตัวเองจะปลอดภัยมากที่สุด

และทั้งหมดนี้ก็เป็น 3 วิธีป้อง ไม่ให้โดนแฮกข้อมูล จากสายชาร์จมือถือนั้นเอง หากชอบทริคดีๆแบบนี้ สามารถติดตาม How To Tricks ทริคดีๆเทรนด์ใหม่ๆได้ที่ http://www.bugaboo.tv/list/1822