ชาวบ้านเล่าเรื่องลี้ลับ! ถ่ายติดลำแสงสีเขียวใต้น้ำ ก่อนจะงมพบพระพุทธรูปเก่าแก่
เป็นข่าวฮือฮาในโลกออนไลน์หลายวันแล้ว สำหรับการงมเจอพระพุทธรูปโบราณที่จมอยู่ในลำน้ำสาน ติดชายแดนไทย-ลาว ของชาวบ้านห้วยติ้ว อำเภอภูเรือ จังหวัดเลย ก่อนที่จะทำพิธีอัญเชิญขึ้นจากน้ำ ท่ามกลางสายตาประชาชนนับพันคน
ชาวบ้านจากทั่วจังหวัดเลย แห่มาชมความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธรูปโบราณทรงเครื่องกษัตริย์ จนการเดินทางเข้าสู่อำเภอภูเรือ และอำเภอด่านซ้าย รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่เชื่อกันว่าเป็นปาฎิหาริย์ ที่มีพระพุทธรูปไหลมาตามน้ำ และขึ้นที่บ้านห้วยติ้วเพื่อต้องการสร้างวัด รวมไปถึงบางส่วน ที่ต้องการเจอกับสามเณรเจ วัยเพียง 19 ปี ที่อ้างว่าเป็นคนนิมิตรเห็นเรื่องราวทั้งหมด
ทีมข่าวได้เดินทางไปร่วมพิธีอัญเชิญพระพุทธรูปโบราณขึ้นจากน้ำเจาะลึกถึงการค้นพบพระพุทธรูป และเรื่องราวปาฎิหาริย์ตามความเชื่อของชาวบ้านซึ่งต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม รวมถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบที่มาที่ไปของพระพุทธรูปองค์นี้ ไปติดตามกับคุณ ณฤชา วรรณบวรใน"เจาะประเด็นสเปเชียล"
ชาวบ้านห้วยติ้ว ร่วมกันทำบายศรีเพื่อประกอบพิธีอันเชิญพระพุทธรูปเก่าแก่ ที่พบอยู่ในลำน้ำสาน สายน้ำที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตคนในหมู่บ้าน ซึ่งเชื่อมต่อกับแม่น้ำเอื้องในฝั่งลาว ผู้ใหญ่บ้าน เล่าว่า เรื่องราวลี้ลับเกิดขึ้น หลังจากชาวบ้านร่วมงานไหลเรือไฟในลำน้ำสาน หลังเทศกาลออกพรรษา พอจบงานชาวบ้านได้นำรูปที่ถ่ายไว้ในโทรศัพท์มือถือมาเปิดดูพบว่า ทุกรูปมีลำแสงสีเขียวปรากฎอยู่บริเวณใต้น้ำที่มีการ
ไหลเรือไฟ จึงไปหารือกับสามเณรอนาวิน ไชยโสดา หรือเณรเจ ที่ชาวบ้านติ้วศรัทธา ซึ่งก็บอกว่า ใต้น้ำบริเวณที่ถ่ายติดลำแสงมีพบพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่ ให้ชาวบ้านลองไปงมขึ้นมา
สิ่งที่พบในวันนั้นคือพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ เนื้อสัมฤทธิ์ สภาพค่อนข้างเก่าแก่ พร้อมยอดเกตุถอดออกได้ ชาวบ้านจึงนำส่วนยอดกลับมาเก็บรักษาไว้ที่วัดและล่ามองค์พระไว้ใต้น้ำเช่นเดิม เพื่อเตรียมทำพิธีอัญเชิญ ค่ำวันนั้นสามเณรเจ ยังอ้างว่าได้สื่อสารกับปู่ขาว ที่เชื่อว่าเป็นเทพาอารักษ์ ผู้รักษาพระองค์นี้ในลำน้ำมายาวนาน บอกว่ายังมีลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์อีกหนึ่งลูกอยู่ใต้น้ำบริเวณเดียวกับที่พบองค์พระให้ไปงมขึ้นมา ซึ่งก็พบว่ามีจริง สร้างความประหลาดใจให้ชาวบ้านอย่างมาก
หลังข่าวแพร่สะพัดออกไป ก็เริ่มมีชาวบ้านเดินทางมาพิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ บางกระแสก็บอกว่าเป็นการสร้างภาพของชาวบ้านกับวัดบ้าง หรืออาจเป็นพระที่ถูกขโมยมาจากฝั่งลาวและนำมาทิ้งหนีความผิด แต่ก็ไม่สามารถทำให้ความศรัทธาของชาวบ้านลดลง
การพบพระพุทธรูปเก่าแก่ในครั้งนี้ นอกจากจะลือถึงปาฎิหารย์ต่างๆแล้ว ยังนำมาสู่การพูดถึงสามเณรเจวัย 19 ปี ว่าเพราะเหตุใดสามเณรรูปนี้ ถึงเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน สามเณรเจเปิดใจกับทีมข่าวว่า บวชเรียนมาตั้งแต่วัยเด็กก่อนหน้านี้เคยอยู่วัดศรีไพรวัลย์ จังหวัดสกลนคร ก่อนตัดสินใจธุดงค์เรื่อยมาและจำพรรษาที่วัดนี้มา 2 ปีกว่าเพราะเงียบสงบ ดีต่อการปฎิบัติ เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องลวงโลกจริงแล้วตนไม่ได้อยากให้เป็นเรื่องใหญ่โต แต่ขัดศรัทธาชาวบ้านไม่ได้ นอกจากพระพุทธรูปองค์นี้แล้ว ปู่ขาวยังสื่อสารกับตนในนิมิตรว่า ในลำน้ำสานยังมีของศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกมากแต่ยังไม่ถึงเวลานำขึ้นมา
เช้าวันอัญเชิญพระขึ้นจากน้ำ ชาวบ้านจากทั่วทุกสารทิศเดินทางมาเข้าร่วมพิธีล้นหลาม สองฝั่งลำน้ำสานเต็มไปด้วยผู้คน เมื่อถึงเวลาสามเณรเจได้เข้าทรงปู่ขาวอีกครั้ง ก่อนให้ชายชุดขาว 9 คน ลงไปอัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นจากน้ำเพื่อนำกลับมาไว้ที่วัด และจัดเวรยามเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพราะหวั่นผู้ไม่หวังดีมาขโมยไป หลังเป็นข่าวดัง
ด้านนายอำเภอภูเรือ เผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับชาวบ้านติ้ว เนื่องจากส่วนใหญ่ยังไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรเข้ามาตรวจสอบ เพราะเกรงว่า พระพุทธรูปองค์นี้จะถูกย้ายออกจากพื้นที่ หากตรวจพบว่าเป็นโบราณวัตถุตามระเบียบราชการ แต่เบื้องต้นได้แจ้งวัฒนธรรมจังหวัดเลยถึงการพบพระองค์นี้แล้ว
คาดว่า เป็นพระพุทธรูปปางจักรพรรดิ์ หรือพระพุทธรูปทรงเครื่องกษัตริย์ ไม่ค่อยพบศิลปะลักษณะนี้ในพื้นที่จังหวัดเลย ส่วนที่ชาวบ้านเชื่อว่า มีความเก่าแก่กว่า 100 ปีนั้น อยู่ระหว่างการศึกษา และเท่าที่ทราบลำน้ำสานเป็นเพียงลำน้ำที่ใช้ในการเกษตร ไม่เคยพบร่องรอยอารยธรรมเกี่ยวกับศาสนาแต่อย่างใด
อาจต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ แต่อย่างน้อยนี่คือเรื่องราวความเชื่อและความศรัทธาของชาวบ้าน ที่มีต่อพระพุทธรูปโบราณ ด้วยมุ่งหวังให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชุมชน
ล่าสุดนายอำเภอภูเรือ ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 9 ขอนแก่น ซึ่งก็พร้อมจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบพระพุทธรูปโบราณ รอเพียงพูดคุยทำความเข้าใจกับชาวบ้านก่อน เพราะการค้นพบโบราณวัตถุใดๆก็ตาม จำเป็นต้องแจ้งต่อทางราชการมิฉะนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย
