ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ระทึก! รถกู้ภัยระเบิด-ไฟลุก หมอ-คนไข้ หนีตายอลหม่าน เหตุจากถังออกซิเจน

เช้านี้ที่หมอชิต - เกิดเหตุระทึกขึ้น เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24 มิ.ย.) หลังถังออกซิเจนในรถกู้ภัยระเบิด แล้วเกิดไฟลุก ขณะรอรับผู้ป่วยกลับบ้าน ทำให้หมอและคนไข้หนีตายกันอลหม่าน

กล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะเจ้าหน้าที่กำลังเข็นรถผู้ป่วยออกมา เพื่อรอขึ้นรถตู้ แต่จู่ ๆ ถังออกซิเจนในรถก็เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น มีประกายไฟพุ่งออกมา ก่อนมีกลุ่มควันคละคลุ้งไปทั่ว ทำให้คนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุต้องวิ่งหนีด้วยความตกใจ

กล้องอีกมุม จับภาพขณะที่มีคนเปิดประตูหน้ารถตู้แล้วอุ้มเด็กวิ่งหนีออกมา โดยในห้องโดยสารหน้ารถมีไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง จากนั้นกลุ่มควันไฟก็พุ่งออกมาจนมองไม่เห็นภาพใด ๆ

โดยเปลวไฟได้ลุกไหม้รถตู้กู้ภัยอย่างรุนแรง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้ป่วย หมอ พยาบาล และญาติผู้ป่วยที่อยู่ในเหตุการณ์ต้องหนีออกมาจากจุดเกิดเหตุ ต่อมาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้าฉีดน้ำดับไฟกว่า 20 นาที จึงดับไฟได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบริเวณหน้าอาคารผู้ป่วยนอกและศูนย์วินิจฉัยผ่าตัดโรคหัวใจ โรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อช่วง 16.00 น. วานนี้ (24 มิ.ย.)

หลังเกิดเหตุพบว่ารถตู้สมาคมอาสาสมัครกู้ชีพและบรรเทาสาธารณภัยเมืองสุพรรณบุรี ที่มีการติดตั้งอุปกรณ์กู้ชีพกู้ภัยครบ ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งคัน บริเวณฝ้าเพดานถูกไฟไหม้เสียหายเช่นกัน

นายชาคริต เป้ามงคล อาสาสมัครกู้ภัยฯ เจ้าของรถเล่าว่า เขาได้ไปเปลี่ยนถังออกซิเจนที่ติดตั้งภายในรถ เพราะถังเก่าเสื่อมสภาพ หลังจากเปลี่ยนเสร็จได้ขับรถเข้ามาจอดรับคนไข้ออกจากโรงพยาบาล เพื่อนำไปส่งที่บ้านพัก ซึ่งตอนนั้นภรรยาและลูกสาวอายุ 1 ขวบ นั่งอยู่หน้ารถ

ระหว่างที่เขาเปิดวาล์วถังออกซิเจน เพื่อเตรียมรับคนไข้ขึ้นรถ จู่ ๆ ถังก็เกิดระเบิด และมีประกายไฟลุกขึ้น ก่อนไฟจะลามไหม้รถอย่างรวดเร็ว ยังเคราะห์ดีที่ภรรยารีบอุ้มลูกหนีตายออกมาได้ทัน โดยเขา ภรรยา และลูกสาว ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะถูกไฟลวก สำหรับรถของเขาได้ตรวจสอบสภาพ และมีการรับรองมาตรฐานจากสำนักงานสาธารณสุขอย่างถูกต้อง

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์เจ้าพระยายมราช เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้รับความเสียหาย มีเพียงฝ้าเพดานที่ถูกไฟไหม้เท่านั้น ซึ่งเจ้าของรถต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

ขณะที่ภายในอาคารมีกลิ่นก๊าซเหม็นมาก ซึ่งยังไม่ทราบชนิดว่าเป็นก๊าซชนิดใด จึงได้ใช้เครื่องดูดอากาศมาดูดกลิ่นก๊าซออกไปก่อน โดยวันนี้ (25 มิ.ย.) จะนำเครื่องมือมาตรวจว่าก๊าซที่รั่วออกมาเป็นอันตรายหรือไม่ หากไม่ปลอดภัยก็จะไม่เปิดให้บริการ สำหรับเหตุการณ์นี้ยังเคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือเสียชีวิต

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark