ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

กมธ.ตร.จี้ตำรวจเคลียร์ปมไม่แจ้งข้อหายาเสพติด เพราะโคเคนเกิดจากยารักษาฟัน

เช้านี้ที่หมอชิต - คณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร จี้พนักงานสอบสวนคดี บอส อยู่วิทยา กรณีไม่แจ้งข้อหาเสพยาเสพติด เพราะสารโคเคนเกิดจากยารักษาฟัน นั้นยังไม่เคลียร์ พร้อมขอให้ตำรวจออกมาชี้แจงสังคมให้ชัดเจน

เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายนิโรธ สุนทรเลขา เป็นประธานกรรมาธิการตำรวจ เชิญพนักงานสอบสวนคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ที่ขับรถชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555 มาชี้แจง พร้อมให้ข้อมูลในประเด็นการตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวน 5 ข้อกล่าวหา

คณะกรรมาธิการได้สอบถามตำรวจหลายประเด็น เช่น กรณีไม่สามารถเอาผิดข้อหาเมาแล้วขับ ได้รับคำชี้แจงว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุได้ทันที เพราะนายวรยุทธขับรถหนีเข้าบ้าน กว่าจะได้หมายจากศาลไปตรวจค้น และนำตัวไปตรวจแอลกอฮอล์ก็เป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมง ซึ่งตามกฎหมายระบุว่า การจะนำคดีตรวจวัดแอลกอฮอล์สู่ศาลได้ ต้องตรวจวัดทันทีหลังเกิดเหตุ จึงทำให้ไม่สามารถเอาผิดกรณีนี้ได้

ส่วนเรื่องความเร็วรถยนต์ ตำรวจชี้แจงว่ามีหน่วยงานที่ตรวจสอบความเร็ว 3 หน่วย คือกองพิสูจน์หลักฐาน เบื้องต้นพบน่าจะมีความเร็วเกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจารย์มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ พบความเร็วอยู่ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเช่นกัน และอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบความเร็ว 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ซึ่งข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญต่างกัน อัยการจึงเชิญกองพิสูจน์หลักฐานและอาจารย์จุฬาฯ มาให้ข้อมูลอีกครั้ง ทั้ง 2 หน่วยงานยอมรับว่าน่าจะคำนวณความเร็วผิดพลาด เพราะไม่ได้หักลบค่าเลนส์ที่กล้อง อัยการจึงเห็นว่าควรหาพยานเพิ่มเติม เป็นเหตุให้มีพยานเพิ่มอีก 2 ปาก คือนายจารุชาติ มาดทอง และพลอากาศโทจักรกฤช ถนอมกุลบุตร จนนำไปสู่ประเด็นข่าวอย่างที่ออกมา ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ มองว่าคดีนี้ไม่น่าจะถูกต้อง จึงขอให้ตำรวจไปตรวจสอบข้อบกพร่อง

ขณะที่ โฆษกกรรมาธิการตำรวจ เปิดเผยถึงประเด็นสำคัญที่ทางคณะกรรมาธิการฯ สงสัย คือทำไมจึงไม่มีการแจ้งข้อหาพบสารแปลกปลอมที่เกิดจากยาเสพติดในร่างกายของนายวรยุทธ ทั้งที่มีผลตรวจทางนิติเวชวิทยายืนยันจากการตรวจเลือด

ซึ่งพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า มีทันตแพทย์ยืนยันว่า ให้ยาที่มีส่วนผสมของโคเคนในการรักษาทำฟัน เมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปผสมจะทำให้เกิดสารแปลกปลอมดังกล่าวในร่างกาย แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจน และไม่มีเอกสารใบรับรองแพทย์มายืนยันว่า สารดังกล่าวเกิดขึ้นจากการรักษาฟันจริงหรือไม่ ถือว่าเป็นการชี้แจงปากเปล่า จึงมองว่าประเด็นนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องออกมาชี้แจงรายละเอียด และตอบคำถามสังคมให้ชัดเจน

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark