ข่าวในหมวด ประเด็นเด็ด 7 สี

เปิดใจสาวนักวิ่ง ถูกคนร้ายล็อกคอฉุดเข้าข้างทางถนนเลียบคลองแสนแสบ [เจาะเกาะติด]

ประเด็นเด็ด 7 สี - สาวนักวิ่งเปิดใจเล่านาทีเกิดเหตุหลังกลับจากวิ่งออกกำลังกายแล้วเดินกลับที่พัก ถูกคนร้ายเดินตามมาแล้วพยายามฉุดเข้าข้างทาง หวังทำมิมีมิร้าย จึงต้องฮึดสู้ แล้วมีคนวิ่งมาพอดี คนร้ายจึงหลบหนีไป ล่าสุดตำรวจเร่งหาเบาะแสติดตามตัวคนร้ายแล้ว ติดตามรายงานจากคุณสิริรัตน์ รัตนสิมานนท์

หญิงคนนี้เล่านาทีเกิดเหตุ หลังเธอกลับจากวิ่งออกกำลังกายที่สนามกีฬา ย่านหัวหมาก จากนั้นช่วงประมาณ 20.30 น. ได้กลับที่พักโดยใช้เส้นทางถนนเลียบคลองแสนแสบ ระหว่างนั้นรู้สึกคล้ายมีคนเดินตามมา จึงพยายามเหลือบสายตาดู กระทั่งเห็นเงาคนใกล้เข้ามา เธอจึงตัดสินใจหันกลับไปมอง แต่จังหวะนั้นคนร้ายก็เข้ามาล็อกคอจากด้านหลังทันที แล้วพยายามฉุดเธอเข้าข้างทาง

จากนั้นเธอทิ้งข้าวของที่ติดตัวแล้วต่อสู้กับคนร้ายเพื่อเอาตัวรอด จนใกล้หมดแรงแล้วล้มลง จังหวะนั้นข้อศอกเธอไปกระแทกโดนคนร้าย และมีเสียงคนวิ่งใกล้เข้ามา ทำให้คนร้ายหยุดชะงัก ก่อนตัดสินใจวิ่งหลบหนีไป ส่วนเธอได้รับบาดเจ็บที่ข้อศอกและเข่าจากการล้ม เหตุการณ์เกิดขึ้นวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา

ผู้เสียหายบอกอีกว่า ปกติเธอจะใช้เส้นทางนี้เป็นประจำ แต่ไม่ได้มาเพียงลำพัง ส่วนคนร้ายเป็นชายสวมชุดกีฬา อายุประมาณ 30 ปี โดยไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่สวนทางกันก่อนจะเดินตามมาแล้วก่อเหตุ

ทีมข่าวตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นป่าหญ้ารกร้าง ริมถนนเลียบคลองแสนแสบ สอบถามชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง บอกว่า คนที่ใช้ถนนเส้นนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และมักใช้เส้นทางนี้ไปตามสถานที่ติดริมคลอง และขึ้นท่าเรือต่าง ๆ แทนที่จะออกไปถนนใหญ่ เพราะเส้นทางใกล้กว่า ส่วนคนที่ออกกำลังกายมักจะมากันในช่วงเช้าและช่วงเย็นจนถึงช่วงประมาณ 20.00 น. โดยมักมากันเป็นคู่หรือเป็นกลุ่ม หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยมีคนใช้เส้นทางนี้แล้ว เพราะทางจะมืด ถนนบางช่วงไม่มีไฟส่องสว่างและเปลี่ยว ทำให้ค่อนข้างอันตราย

ชาวบ้านอีกคนที่พักอาศัยอยู่ริมคลองแสนแสบ บอกอีกว่า ก่อนหน้านี้ที่ถนนเส้นดังกล่าว เคยมีเหตุชิงทรัพย์บ้าง แต่เกิดขึ้นนาน ๆ ครั้งกับคนที่เดินมาเพียงคนเดียว ทำให้คนส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงการเดินทางด้วยเส้นทางดังกล่าวตั้งแต่ช่วง 20.00-21.00 น. เป็นต้นไป และหากจำเป็นก็จะไปกันเป็นกลุ่มเพื่อความปลอดภัย

ล่าสุด ตำรวจตรวจสอบที่เกิดเหตุพบว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีกล้องวงจรปิด โดยจากการสอบปากคำผู้เสียหาย พบว่าหลังก่อเหตุคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไป มุ่งหน้าไปทางมหาดไทย แล้วหายไปในความมืด ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเร่งหาเบาะแสเพื่อติดตามตัวคนร้ายมาสอบสวนดำเนินคดี

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark