รวบแก๊งค้ายาเหิมยิงสู้ตำรวจ ถูกสวนเจ็บ 1 คน ยึดไอซ์ 200 กก.มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท
ประเด็นเด็ด 7 สี - ตำรวจขยายผลล่อซื้อไอซ์จากพ่อค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยนัดหมายส่งของกันที่ริมถนนสายเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ พัทลุง-หาดใหญ่ แต่กลุ่มคนร้ายไหวตัว ก่อนยิงใส่ตำรวจหวังหลบหนี ถูกตำรวจยิงสวนบาดเจ็บไป 1 คน และควบคุมตัวได้อีก 2 คน พร้อมยึดไอซ์ 200 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ติดตามจากรายงานของคุณอรวรรณ รัตนเดชา
นายจักรี ศรีชังส้ม นายธวัช บุญชูรักษ์ และนายสันติชัย สีขุนทด ถูกตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ และตำรวจพัทลุง รวบตัวได้บริเวณริมถนนสายเพชรเกษมฝั่งขาล่องใต้ พัทลุง-หาดใหญ่ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง พร้อมยึดไอซ์ 200 กิโลกรัม ที่บรรจุอยู่ในกระเป๋าสีดำ 10 ใบ ท้ายรถกระบะสี่ประตูสีขาว รวมมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท โดยนายสันติชัย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ หลังพวกเขาใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่หวังหลบหนี แต่ถูกยิงสวนได้รับบาดเจ็บ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจาก ตำรวจ สภ.เมืองกระบี่ รวบตัวพ่อค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ได้ 1 ราย ก่อนขยายผลต่อ โดยวางแผนล่อชื้อไอซ์ 200 กิโลกรัม พร้อมนัดหมายจุดรับ-ส่งของ กระทั่งถึงเวลานัดหมายผู้ต้องหาพยายามเปลี่ยนพื้นที่ส่งของหลายจุด ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ นครศรีธรรมราช กระทั่งพวกเขาตัดสินใจส่งของกันในพื้นที่ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
จังหวะที่ตำรวจแสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม กลุ่มคนร้ายพยายามขับรถหนี พร้อมใช้ปืนขนาด 11 มม. ยิงใส่เพื่อเปิดทาง กระสุนปืนถูกรถของตำรวจได้รับความเสียหาย ตำรวจจึงตัดสินใจยิงสวน กระสุนปืนถูกนายสันติชัย ซึ่งนั่งข้างคนขับได้รับบาดเจ็บ พร้อมเข้าจับกุมผู้ต้องหาอีกสองคนดังกล่าว
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบปืนขนาด 11 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง ไอซ์บรรจุอยู่ในกระเป๋าสีดำ จำนวน 10 ใบ รวม 200 กิโลกรัม และโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง ตำรวจยึดของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบ
ด้านผู้กำกับการ สภ.เมืองกระบี่ บอกว่า ชุดสืบสวน สภ.เมืองกระบี่ ได้ติดตามจับกุมกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่มาโดยตลอด กระทั่งมาถึงเครือข่ายนี้ มีการขยายผลมาจากการจับกุมผู้ค้ารายย่อยเป็นยาบ้าประมาณ 20 เม็ด ก่อนขยายผลไปยังเครือข่ายรายใหญ่ ยึดของกลางได้จำนวนมากดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลต่อ
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า รับไอซ์มาจากฝั่งชายแดนพม่า เพื่อนำส่งให้เอเยนต์ในพื้นที่จังหวัดสงขลา ก่อนส่งต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยอ้างว่าที่ผ่านมาได้รับค่าจ้างในการขนส่งประมาณ 60,000 บาท ต่อเที่ยว แต่ครั้งนี้กลับถูกตำรวจจับกุมได้ นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาทั้งสามคน พบเคยต้องโทษในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและอาวุธปืนมาแล้วหลายครั้ง
