เสี่ยขี่บิกไบก์ยันเอาผิดคนตากข้าวบนถนนทำรถล้ม คู่กรณีขอโทษ เผยตากข้าวแค่ปีละครั้ง
เช้านี้ที่หมอชิต - เป็นกระแสร้อน หลังเสี่ยเจ้าของร้านขายยางขี่บิ๊กไบก์ชนกองข้าวเปลือกที่ชาวนาตากไว้บนถนน จนบาดเจ็บ รถเสียหาย เข้าแจ้งความ เพราะไม่ได้รับคำขอโทษที่จริงใจ หลังคู่กรณีหาว่าขี่รถเร็วเอง ล่าสุด ลุงชาวนาออกมาขอโทษ เผยยากจนไม่มีเงินชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมขอความเห็นใจชาวนาที่ตากข้าวแค่ปีละครั้ง
จากกรณีที่เสี่ยเจ้าของร้านขายยางแห่งหนึ่ง ในจังหวัดบุรีรัมย์ ขี่รถบิ๊กไบก์กลับบ้านที่อำเภอเฉลิมพระเกียรติ แต่เมื่อมาถึงบ้านหนองจอก ตำบลเจริญสุข พบว่าชาวนานำข้าวเปลือกมาตากบนถนนเป็นทางยาว บางช่วงมีกรวยยางตั้งเป็นสัญลักษณ์ แต่บางจุดมีเพียงกิ่งไม้กั้นไว้ ทำให้มองไม่เห็น จึงพุ่งชนกองข้าวเปลือก รถล้มได้รับบาดเจ็บ และรถบิ๊กไบก์ก็เสียหาย เหตุเกิดช่วง 20.00 น. วันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยได้โพสต์ภาพและข้อความเพื่อเตือนภัยและอยากให้ชาวนาทำสัญลักษณ์ที่ชัดเจน เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน ซึ่งเขาก็เห็นใจชาวนาเพราะรู้ว่าแต่ละปีก็แทบไม่มีกำไร จึงไม่ได้ติดใจจะเอาเรื่อง
แต่ต่อมาหลานสาวของเจ้าของข้าวเปลือก ได้แสดงความคิดเห็นทำนองว่า เขาขี่รถเร็วจึงมองไม่เห็นกองข้าวเปลือก ทำให้เสียความรู้สึกมาก จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อเอาผิดเจ้าของข้าวเปลือกที่นำข้าวมาตากกีดขวางการจราจร ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบตรงจุดเกิดเหตุ พบว่ามีชาวนานำข้าวเปลือกมาตากบนถนนยาวกว่า 1 กิโลเมตร เมื่อสอบถามชายอายุ 67 ปี เจ้าของข้าวเปลือกที่ถูกรถบิ๊กไบก์ชน เขาบอกว่ารู้ว่าการตากข้าวบนถนนผิดกฎหมาย แต่จำเป็นต้องทำ เพราะไม่มีสถานที่ตากข้าวเปลือก ส่วนเรื่องที่ผู้เสียหายจะเรียกร้องค่าซ่อมรถ เขาคงไม่ปัญญาชดใช้ เพราะฐานะยากจน คงปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่เรื่องนี้ก็น่าจะเกิดจากความประมาทของผู้ขี่รถด้วย
ต่อมา ภรรยาเจ้าของข้าวเปลือกได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ เพื่อไกล่เกลี่ยกับผู้เสียหาย โดยเธอพร้อมยอมรับผิดที่นำข้าวเปลือกไปตากบนถนน ทำให้รถบิ๊กไบก์มองไม่เห็นพุ่งชนจนเสียหลักล้ม แต่ตอนนี้ไม่รู้จะหาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าเสียหาย ส่วนที่หลานไปคอมเมนต์ต่อว่า และสามีที่ให้ข่าวจนทำให้ผู้เสียหายเปลี่ยนใจเข้าแจ้งความ เธอเองก็ไม่ทราบ ตอนนี้เสียใจมากและอยากจะขอโทษผู้เสียหาย
ด้านเสี่ยเจ้าของร้านขายยาง คนขี่รถบิ๊กไบก์ บอกว่า ยังรู้สึกติดใจที่ถูกคู่กรณีหาว่าเป็นฝ่ายผิดที่ประมาท ขี่รถด้วยความเร็วเอง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากคู่กรณีจะมาขอโทษ แต่ไม่ได้สำนึกผิด หรือขอโทษแบบจริงใจ โดยเฉพาะหลานคนที่คอมเมนต์ต่อว่าก็ยังไม่ติดต่อมาเลย คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.) คุณลุงชาวนาที่นำข้าวเปลือกมาตากบนถนน ได้ยกมือขอโทษผู้เสียหายผ่านสื่ออีกครั้ง และอยากจะขอร้องให้ผู้เกี่ยวข้องให้เห็นใจชาวนาที่จำเป็นต้องตากข้าวทุกปี รวมแล้วปีละประมาณ 30 วัน เพราะปัจจุบันชาวนาจะใช้รถเกี่ยว ซึ่งจำเป็นต้องตากข้าวเปลือกให้แห้ง แต่ไม่มีสถานที่ตากข้าว นอกจากข้างถนน
