วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย
ข่าวภาคค่ำ - วัคซีนล็อตแรกที่จะมาถึงไทยวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันความพร้อมฉีดวัคซีนให้คนไทย โดยจะมีกิจกรรมวัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย
วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย
กระทรวงสาธารณสุข เตรียมจัดกิจกรรม "วัคซีนโควิด-19 คืนรอยยิ้มประเทศไทย" ยืนยันกำหนดการที่จะมีการขนส่งและรับมอบ วัคซีนป้องกันโควิด-19 ลอตแรก ที่จะมาถึงไทย จำนวน 200,000 โดส จากบริษัท ซิโนแวค ไบโอเทค ประเทศจีน ด้วยเที่ยวบินขนส่งสินค้า เที่ยวบินการบินไทย TG 675 เส้นทางปักกิ่ง-กรุงเทพฯ ขนส่งด้วยเครื่องบินแบบแอร์บัส A350-900 ออกเดินทางจากประเทศจีนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์นี้ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่คลังสินค้าการบินไทย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในวันเดียวกัน
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โพสต์ภาพวัคซีนโควิด-19 ที่ถูกแพ็คไว้อย่างดี มีป้าย "Thailand" ติดไว้ พร้อมข้อความ ระบุว่า ผู้ผลิตวัคซีนซิโนแวค ส่งภาพนี้มาให้ เพื่อยืนยันว่า วัคซีนลอตแรกสำหรับประเทศไทย จะมาถึง 24 กุมภาพันธ์นี้ และจะส่งมาจนครบ 2 ล้านโดส ภายในเดือนเมษายน
ศบค.ชุดใหญ่ จะพิจารณาต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
สำหรับการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ วันพรุ่งนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล จะพิจารณาการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 10 ก่อนที่จะครบกำหนดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ให้สอดรับกับแผนการกระจายวัคซีน และปรับระดับของพื้นที่ตามสถานการณ์โควิด-19 ใหม่ คงพื้นที่พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเป็นสีแดง พื้นที่เดียว คือ จังหวัดสมุทรสาคร ส่วนกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสงคราม นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี ตาก และราชบุรี เป็นสีส้ม ที่เหลือเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง สีเหลือง และพื้นที่เฝ้าระวังสีเขียว พร้อมมาตรการผ่อนคลายตามโซนนิ่งระดับสถานการณ์
สำหรับตัวเลขผู้ติดเชื้อวันนี้ ศบค.รายงานผู้ป่วยรายใหม่ 92 คน เป็นการติดเชื้อในประเทศ 86 คน มาจากจังหวัดสมุทรสาคร 60 คน รองมาเป็น ปทุมธานี 17 คน ส่วนกรุงเทพมหานคร ติดเชื้อเพิ่ม 3 คน ขณะเดียวกัน ขณะเดียวกันยังมีผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศอีก 6 คน
ยอดผู้ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่ล่าสุด 21,178 คน รักษาหายแล้ว20,108 คน และยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 1,047 คน
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งสูงกว่า 111.6 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 2.4 ล้านคน โดยสหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 28.7 ล้านคน ตามมาด้วยอินเดียและบราซิล