เรียกสอบผู้ใหญ่บ้านยิงปืนขึ้นฟ้าขู่วัยรุ่น 2 นัด - ตบหน้าหนุ่มอายุ 17 ปี

เจาะประเด็นข่าวค่ำ - ความคืบหน้าหลังโลกออนไลน์แห่แชร์คลิป ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในจังหวัดเลย มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ยิงปืนลูกซองยาวขึ้นฟ้า 2 นัด ข่มขู่วัยรุ่น และยังทำร้ายร่างกายกลุ่มวัยรุ่นด้วย ล่าสุดวันนี้ นายอำเภอภูหลวง เรียกสอบผู้ใหญ่บ้านแล้ว เจ้าตัวยอมรับก่อเหตุจริง และมึนเมาเล็กน้อยขณะเกิดเหตุ

คลิปเหตุการณ์นี้วัยรุ่นคนหนึ่งถ่ายเอาไว้ได้ ขณะผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในจังหวัดเลย ถือปืนลูกซองยาวเข้าเจรจากับกลุ่มวัยรุ่น บริเวณริมถนนแห่งหนึ่งพื้นที่อำเภอภูหลวง จังหวัดเลย ลักษณะเหมือนไม่พอใจกลุ่มวัยรุ่น และปรี่เข้าไปทำร้าย จนเกิดการชุลมุนกันขึ้น แต่มีผู้เข้ามาห้ามปรามไว้ได้ ก่อนที่จะมีเหตุการณ์บานปลาย

ภายหลังเกิดเหตุกลุ่มวัยรุ่นได้นำภาพดังกล่าวมาโพสต์ลงในโลกออนไลน์ พร้อมระบุข้อความว่า กลุ่มของเขาไม่ได้มีปัญหากับผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าว แต่อยู่ดี ๆ ก็ขับรถมาจอด แล้วยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด จากนั้นตบหน้าหนุ่มอายุ 17 ปี เพื่อนในกลุ่มอีก จึงตั้งคำถามกับสังคมว่าการที่ผู้ใหญ่บ้านทำกับประชาชนแบบนี้ถูกต้องหรือไม่ 

ล่าสุดวันนี้ (21 ก.พ.) ทีมข่าวได้พูดคุยกับชายอายุ 17 ปี ผู้เสียหายที่ถูกผู้ใหญ่บ้านยิงปืนขู่และถูกตบหน้า เล่าให้เราฟังว่า ช่วง 17.30 น.ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เจ้าตัวและเพื่อน ๆ ไปเที่ยวงานบุญประจำปี และมาดื่มเหล้ากันต่อบริเวณใกล้กับที่เกิดเหตุ แต่เพื่อน ๆ ไปมีเรื่องกับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง จึงเข้าไปห้ามปรามจนทำความเข้าใจกันแล้ว

ขณะเดียวกันมีรถกระบะขับมาจอด จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองและผู้ใหญ่บ้านคนก่อเหตุ เดินลงมาจากรถในสภาพที่เมา ถือปืนลูกซองยาวออกมา ยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด ก่อนเข้ามาถามว่ามีอะไรกัน ซึ่งกลุ่มพวกเขาพยายามชี้แจงแล้วว่าไม่มีอะไรเคลียร์กันจบแล้ว พร้อมถามกลับว่าทำไมต้องยิงปืนด้วย ทำให้ผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวไม่พอใจ เดินเข้ามาทำร้ายรุ่นพี่ในกลุ่ม ก่อนเดินมาตบหน้าเขาที่กำลังถ่ายคลิปเหตุการณ์ไว้

ล่าสุดวันนี้ (22 ก.พ) นายอำเภอภูหลวง ได้เรียกตัว นายอำนาจ พันชา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 7 บ้านสวนปอ ตำบลแก่งศรีภูมิ อำเภอภูหลวง มาสอบสวน เบื้องต้นเขายอมรับก่อเหตุจริง และรับสารภาพว่ามึนเมาเล็กน้อยขณะเกิดเหตุ แต่อ้างว่าพยายามระงับเหตุชุลมุน หลังได้รับแจ้งมีกลุ่มวัยรุ่นยกพวกทะเลาะวิวาทกันเท่านั้น

หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบมีมูล จะถูกลงโทษทางวินัยต่อไป