ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

อธิบดี สบส. ลุยตรวจคลินิกย่านรามคำแหง หลังหญิง 54 ปี ดับขณะดูดไขมัน

เจาะประเด็นข่าวค่ำ - อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกย่านรามคำแหง หลังหญิง 54 ปี เข้าไปใช้บริการดูดไขมันแล้วเสียชีวิต ด้านลูกสาวยังตั้งข้อสังสัย ที่ทางคลินิกไม่ยอมนำแม่ส่งโรงพยาบาลในขณะเกิดเหตุ

ความคืบหน้ากรณี นางศรัณย์ภัทร์ กาญจนสุวรรณ์ อายุ 54 ปี ซึ่งทำธุรกิจส่วนตัว และเป็นน้องสาวของอดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เสียชีวิตระหว่างเข้ารับบริการดูดไขมันเสริมความงาม ที่คลินิกชื่อดังแห่งหนึ่งย่านรามคำแหง เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

วันนี้ (22 ก.พ.) ลูกสาวของผู้เสียชีวิต อายุ 30 ปี เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ สน.หัวหมาก พร้อมบอกว่าแม่ตั้งใจดูดไขมันที่ช่วงหลังออก เพราะแม้จะออกกำลังกายมาตลอด แต่ไม่สามารถกำจัดไขมันที่หลังได้ จากนั้นได้ไปปรึกษากับโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง และคลินิกหลายแห่ง รวมทั้งคลินิกแห่งนี้ ซึ่งแพทย์ของคลินิกได้ให้ข้อมูลการันตีถึงผลการรักษา โฆษณาและพยายามโน้มน้าวใจว่าทำได้สำเร็จ จนแม่เชื่อใจและตกลงเข้ารับการดูดไขมัน

ในวันเกิดเหตุ แม่บอกให้เธอมารับช่วง 14.00 น. แต่ราว 13.00 น. ทางคลินิกก็พยายามติดต่อทางครอบครัว โดยน้องชายรับสายและได้รับแจ้งว่าแม่เริ่มมีอาการผิดปกติ ทำให้น้องชายได้พยายามแจ้งให้ทางคลินิกนำแม่ส่งโรงพยาบาล แต่ทางคลินิกไม่ยอมเพราะกลัวจะเป็นคดีความ เธอจึงรีบไปที่คลินิกดังกล่าว ก็พบว่าแม่เสียชีวิตแล้ว

ลูกสาวผู้เสียชีวิต บอกอีกว่า จากการพูดคุยกับแพทย์เจ้าของเคส บอกว่า บอกว่าแม่เริ่มมีอาการผิดปกติหลังดูดไขมันได้เพียง 20 นาที จากนั้นแพทย์และพยาบาลพยายามทำการซีพีอาร์ แต่ก็ไม่เป็นผล เธอยืนยันว่าแม่แข็งแรงเพราะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยแพ้ยาหรืออาหาร ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยผ่านการดูดไขมันมาแล้ว และไม่เคยมีปัญหาแทรกซ้อนใด ๆ

ลูกสาวผู้เสียชีวิต ยังตั้งข้อสังเกตไปถึงคลินิกดังกล่าวว่าอาจไม่ได้มาตรฐาน ทั้งสถานที่ที่ตั้งในตึกแถว และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ศัลยกรรม กู้ชีพ ดูผิดมาตรฐาน อีกทั้งในถังขยะยังพบหลอดฉีดยาที่ภายในบรรจุน้ำสีขุ่นคล้ายยาสลบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าจะใช้เพียงยานอนหลับเท่านั้น ส่วนกรณีที่ตั้งข้อสงสัยว่า สาเหตุการเสียชีวิตจะเกิดจากการรับยาเกินขนาดหรือไม่ ต้องรอผลพิสูจน์ยืนยันให้ชัดเจนอีกครั้ง

ล่าสุด ช่วงเที่ยงผ่านมา นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ หรือ สบส. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคลินิกเกิดเหตุแล้ว เพื่อตรวจสอบว่ามีใบอนุญาตและใบประกอบเวชกรรมถูกต้องหรือไม่ รวมถึงใบประกอบวิชาชีพแพทย์และผู้เกี่ยวข้อง และมาตรฐานของคลินิกว่าเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่

หลังการตรวจสอบนานกว่าครึ่งชั่วโมง นายแพทย์ธเรศ ก็ออกมาเปิดเผยว่า คลินิกแห่งนี้เปิดให้บริการแบบไม่รับผู้ป่วยค้างคืน โดยตัวอาคารมี 3 ชั้น ชั้นที่ 2 ให้บริการเรื่องความงาม ส่วนชั้นที่ 3 เป็นห้องผ่าตัดขนาดเล็ก ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นไปตามมาตรฐานและขออนุญาตถูกต้อง แต่ขณะเดียวกันทางคลินิกก็มีส่วนผิด เพราะให้บริการในช่วง 12.00-14.00 น. ซึ่งไม่ตรงกับช่วงเวลาที่ขอในใบอนุญาต ซึ่งต้องทำการรักษาในช่วง 17.00-20.00 น.เท่านั้น

ส่วนกรณีที่ทางญาติตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการไม่ส่งตัวผู้เสียชีวิตไปโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนนั้น ทางคลินิกได้ชี้แจงว่า อยู่ในขั้นตอนการส่งต่อ แต่อาการผู้เสียชีวิตในขณะนั้นไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้าย

เบื้องต้น ทาง สบส. จะแจ้งความดำเนินคดีกับคลินิกแห่งนี้ ในความผิดฐานดำเนินการประกอบกิจการสถานพยาบาลไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล 2541 พร้อมเชิญหมอที่ทำการรักษามาให้ข้อมูลกับแพทย์สภา เพื่อพิจารณาว่าขั้นตอนเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่

นายแพทย์ธเรศ ระบุอีกว่า การดูดไขมันถือเป็นหัตถการรักษาที่มีความเสี่ยง ตั้งแต่การใช้ยาเพื่อให้คนไข้ลดความเจ็บปวด และยาบางชนิดอาจทำให้ความดันตก หรือการใช้เครื่องมือสอดเข้าไป หากดูดไขมันออกในปริมาณที่มากและรวดเร็ว อาจทำให้ร่างกายช็อกได้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เสียชีวิต และต้องตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark