จะเลือกซื้อหูฟังสักคู่ ก็จะมีศัพท์มากมายเข้ามาปะทะหน้าเรา วันนี้แบไต๋มาอธิบาย ศัพท์หลัก ๆ ให้เข้าใจ ไปซื้อหูฟังที่ร้านค้าไม่มีงงแน่นอน

เริ่มจากประเภทของหูฟังก่อน สำหรับหูฟังตัวเล็ก ๆ จะมีอยู่ 2 ประเภทคือ Earbuds ที่แปะหูฟังไว้หน้ารูหู เหมือนวางไว้บนใบหู กับ In-ear ที่เป็นจุกยัดเข้าไปในรูหู

โดยปกติแล้วหูฟังแบบ In-ear จะให้คุณภาพเสียงดีกว่า และตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีกว่าแบบ Earbuds แต่หูฟังแบบ Earbuds ก็จะใส่สบายกว่าสำหรับคนส่วนใหญ่

ซึ่งหูฟังทั้ง Earbuds และ In-ear ถ้าเป็นแบบไร้สายแยกหูฟังข้างซ้าย-ขวาอิสระ และมีเคสเล็ก ๆ เอาไว้เก็บหูฟังแบบนี้ เราจะเรียกว่าหูฟังแบบ TWS หรือ True Wireless Stereo ค่ะ ซึ่งก็เป็นแบบที่นิยมที่สุดในปัจจุบันนี้เพราะพกพาสะดวก ใช้ง่าย แต่ต้องไม่ลืมชาร์จแบตให้พร้อมใช้ตลอด

ส่วนหูฟังแบบคาดศีรษะก็จะมีอีก 2 แบบคือ On-Ear จะเป็นหูฟังที่มีแป้นหูเล็กหน่อย เวลาใส่ตัวแป้นเลยจะกดทับใบหู และแบบ Over-Ear ที่แป้นหูฟังจะใหญ่กว่าใบหู ทำให้แป้นครอบทับพื้นที่รอบใบหูเวลาใส่ จึงใส่สบายกว่า

ทำให้ปกติแล้วหูฟังแบบ Over Ear มีขนาดใหญ่กว่า และออกแบบให้มีคุณภาพเสียงสูงกว่า จึงทำให้มีราคาแพงกว่าแบบ On Ear

ต่อไปคือ Noise Cancelling ถ้าหูฟังโปรโมทว่ามีเทคโนโลยีนี้ หมายถึงมีความสามารถในการตัดเสียงรบกวนภายนอกด้วย ทำให้ฟังเพลงระหว่างเดินทาง หรือในห้องที่มีเสียงอื่น ๆ ได้ไพเราะขึ้น

ซึ่ง Noise Cancelling จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ Passive Noise Cancelling หรือ PNC หมายถึงตัวหูฟังมีความสามารถในการตัดเสียงภายนอกอยู่แล้ว โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม เช่นจุกยางของหูฟังแบบ In-ear ก็จะบล็อกเสียงภายนอกไม่ให้เข้าหูระดับหนึ่งอยู่แล้ว จึงเรียกว่า PNC

อีกแบบหนึ่งคือ Active Noise Cancelling หรือ ANC คือหูฟังที่มีการสร้างคลื่นเสียงออกมาหักล้างเสียงภายนอก เพื่อลดเสียงรบกวน ทำให้หูฟังแบบ ANC สามารถตัดเสียงรบกวนภายนอกได้ดีกว่าหูฟังที่มีแค่ PNC

แต่เนื่องจากเทคโนโลยี ANC มีการใช้ไมค์ภายนอกเพื่อรับเสียงเข้ามาหักล้างเสียงรบกวนที่เราได้ยิน ทำให้ถ้าลมพัดเข้าที่ตัวหูฟังจะได้ยินเสียงลมด้วย หูฟังแบบ ANC บางตัวจึงมีฟังก์ชัน Wind Noise Reduction เพื่อตัดเสียงรบกวนจากลมอีกด้วย

แต่เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวน บางทีมันก็ดีเกินไปจนเราไม่สามารถใส่หูฟังเดินถนนได้ เพราะไม่ได้ยินเสียงรอบตัว มันก็อันตราย หูฟังหลายรุ่นจึงมีระบบ Transparency หรือบางแบรนด์ก็เรียกว่า Pass Through ด้วย เพื่อดึงเสียงจากภายนอกเข้ามาผสมในเพลงที่เราฟัง ทำให้เรายังรับรู้ทิศทางของเสียงรอบตัวได้ เวลาใส่เดินก็ปลอดภัย หรือยังคุยกับคนอื่นรู้เรื่องเวลาใส่หูฟัง

และใครที่เคยใช้หูฟังไร้สายก็น่าจะเคยเจอปัญหานี้ คือการสลับอุปกรณ์ สมมุติเราฟังเพลงผ่านโทรศัพท์อยู่ แล้วต้องไปประชุมออนไลน์ผ่านคอมพิวเตอร์ เราก็ต้องตัด Bluetooth ที่โทรศัพท์ก่อน แล้วค่อยไปเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่น ๆ

ตรงนี้มีอีกเทคโนโลยีที่มาช่วยคือ MultiPoint ที่ทำให้หูฟังเราสามารถเชื่อมอุปกรณ์ได้ 2 ตัวพร้อมกัน เช่นเราเชื่อมหูฟังกับมือถือและคอมพิวเตอร์พร้อมกันได้เลย แค่หยุดเพลงในมือถือ แล้วเริ่มประชุมในคอมพิวเตอร์ เสียงจากคอมพิวเตอร์ก็จะมาออกที่หูฟังทันทีโดยไม่ต้องเชื่อม Bluetooth ใหม่ ก็ทำให้สะดวกมากขึ้น

ส่วนหูฟังจาก Apple หรือ Samsung ก็จะมีเทคโนโลยีเฉพาะตัวในการสลับการเชื่อมต่อไปยังอุปกรณ์ที่ใช้อยู่อัตโนมัติค่ะ เช่นใช้สมาร์ตโฟน ก็สลับหูฟังไปรับเสียงจากสมาร์ตโฟน หรือเปลี่ยนไปใช้แท็บเล็ต ก็สลับไปเชื่อมเสียงหูฟังจากแท็บเล็ตเอง แต่เทคโนโลยีเฉพาะตัวนี้จำกัดเฉพาะผู้ใช้อุปกรณ์ในแบรนด์เดียวกัน

ติดตาม รายการ “แบไต๋ 7HD ไอทีและยานยนต์” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.20-12.40 น. ทางช่อง 7HD กด 35