ส้มตำปูปลาร้า ขึ้นแท่นอาหารยอดนิยมของชาวอเมริกัน

เช้านี้ที่หมอชิต - ส้มตำปูปลาร้า ลาบหมู เมนูอาหารไทยรสแซ่บ จะบอกว่าจะโด่งดังไกลถึงต่างประเทศ คงไม่พอ ล่าสุด ขึ้นแท่นเป็นอาหารยอดนิยมของชาวอเมริกันไปแล้ว

กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผย สื่อออนไลน์ชื่อดังสหรัฐฯ ทำการสำรวจร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในสหรัฐฯ พบมีมากถึง 35 ร้าน ชี้ปัจจัยหนุนมาจากอาหารไทยมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ รสชาติจัดจ้าน มีสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ

นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ล่าสุดได้รับรายงานเกี่ยวกับการขยายการส่งออกสินค้าอาหารไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ผู้ประกอบการกิจการสื่อออนไลน์ขนาดใหญ่ชื่อดัง ดำเนินกิจการ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในสหรัฐฯ และในหลายทวีปทั่วโลก ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ และจัดทำเป็นรายงานพิเศษเรื่อง ร้านอาหารไทยที่ดีที่สุดในสหรัฐฯ (The Best Thai Restaurant in america) โดยปรากฎว่ามีร้านอาหารไทยที่ได้รับการจัดอันดับในรายงานดังกล่าวทั้งสิ้น 35 ร้านทั่วสหรัฐฯ โดยเมนูอาหารท้องถิ่น จากภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ได้รับการเสนอชื่อเป็นอาหารที่ได้รับความนิยมจากชาวอเมริกัน ส่วนใหญ่รสชาติจัดจ้าน เช่น ส้มตำปลาร้า ลาบ น้ำตก ข้าวซอย น้ำพริกอ่อง และแกงไตปลา และพบว่า กลุ่มชาวอเมริกัน นิยมรับประทานอาหารไทยแนวสตรีทฟู้ดมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่ทำให้อาหารไทยเป็นที่นิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งมาจากเอกลักษณ์รสชาติของอาหารไทยที่มีความสมดุล กลมกล่อม มีการผสมผสานกันระหว่างรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ดได้อย่างลงตัว อีกทั้งโดยพื้นฐานของอาหารไทย ยังมีสมุนไพรที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเป็นส่วนประกอบสำคัญ ซึ่งสามารถ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพได้เป็นอย่างดี และร้านอาหารไทยในสหรัฐฯ ยังได้พัฒนาเมนูอาหารที่หลากหลายและน่าสนใจมากขึ้น ปัจจุบันร้านอาหารไทยกระจายตัวอยู่ในสหรัฐฯ กว่า 5,000 แห่ง และยิ่งมีข่าวผลสำเร็จร้านอาหารไทยที่ดีที่สุด ยิ่งทำให้ร้านอาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น จึงเป็นโอกาสและช่องทางในการกระจายสินค้าวัตถุดิบอาหารที่สำคัญของไทย ทั้ง ข้าวหอมมะลิ เส้นก๋วยเตี๋ยว ซอสปรุงรส เครื่องแกง ชาไทย และกาแฟไทย ไปตลาดสหรัฐฯ ได้อีกด้วย ซึ่งจากตัวเลขการส่งออกสินค้ากลุ่มสินค้าอาหารไปสหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนของปี 2565 มีมูลค่า 3,092.96 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8.65% และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก