ทุกวินาทีคือชีวิต! หมอเจี๊ยบ ลลนา ขอเล่าประสบการณ์ตรงจากคนด่านหน้าในเหตุวิกฤตโควิด-19

คลิปที่เกี่ยวข้อง

ทุกวินาทีคือชีวิต! หมอเจี๊ยบ ลลนา ขอเล่าประสบการณ์ตรงจากคนด่านหน้าในเหตุวิกฤตโควิด-19


อดเป็นห่วงทุกคนและอดเศร้าไม่ได้ เมื่อ เจี๊ยบ ลลนา ก้องธรนินทร์ หนึ่งในคนที่อยู่ด่านหน้า ที่ทำหน้าที่คุณหมอในห้องฉุกเฉิน ในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ ขอออกมาโพสต์เล่าประสบการณ์ของคนด่านหน้าที่ หมอเจี๊ยบ ลลนา ได้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 พร้อมยังเล่าเรื่องราวและความเศร้าใจที่ไม่รู้ว่าคนไข้จะได้กลับบ้านไหม.. ทั้งยังวอนขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพทั่วถึงให้แก่ประชาชน

ต้องยอมรับเลยใช่ไหมละคะว่าผลกระทบจากเหตุการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตอนนี้แทบจะเกินเยียวยา แถมจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตก็พุ่งสูงขึ้นจนหลายคนอดเป็นห่วงไม่ได้ ว่าต่อไปชีวิตเราจะเป็นอย่างไร และจะเสี่ยงขนาดไหน และแน่นอนว่าคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอันดับต้น ๆ นั้น ก็คงหนีไม่พ้น เหล่าบุคลากรทางการแพทย์ คนด่านหน้าที่นอกจากเสี่ยงติดเชื้อแล้ว ยังต้องแบกรับความเหนื่อยล้าทำงานหนักขึ้นทุกวัน งานนี้เมื่อได้อ่านเรื่องราวที่ หมอเจี๊ยบ ลลนา ออกมาแชร์แล้ว ก็อดเศร้าตามไม่ได้ ทั้งนี้ ทางทีม Bugaboo.TV ก็ขอเป็นอีกหนึ่งแรงใจ ให้กับเหล่าคนด่านหน้า ทั้งทีมแพทย์ พยาบาล และบุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกคนด้วยนะคะ แอดเองก็จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อแบ่งเบาภาระของคุณหมอด้วยค่ะ


"วันนี้เจี๊ยบขอมาเล่าประสบการณ์ด่านหน้าให้ฟังกันนะคะ ในฐานะหมอในห้องฉุกเฉิน เจี๊ยบคลุกคลีกับเคสผู้ป่วยโควิดมาตลอด ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้ต้องยอมรับว่ามันทั้งแย่และหนักมากกว่าการระบาดครั้งก่อนๆเป็นพันเท่าเลยค่ะ

อย่างที่ทราบกันว่าคนไข้โควิดที่อาการหนัก แต่ไม่มีเตียงต้องนอนรอเตียงกองกันอยู่ล้นหน้าห้องฉุกเฉิน แต่อย่าลืมว่า ที่โรงพยาบาลไม่ได้มีเฉพาะเคสโควิดอย่างเดียว ยังมีทั้งอุบัติเหตุและคนเจ็บป่วยหนักที่อันตรายถึงชีวิตที่ต้องเข้ารับการรักษา

ไม่กี่วันมานี้มีคนไข้อาเจียนพุ่งเป็นเลือด หัวใจหยุดเต้น การที่หมอจะกระโดดเข้าไปช่วยชีวิตปั๊มหัวใจทันทีเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่สามารถทำได้ ต้องไปใส่ชุดPPE ก่อน และยังมีรายละเอียดในขั้นตอนการรักษาอื่นๆอีกหลายอย่างมากขึ้น คนทำงานก็กดดันด้วยเวลาที่ต้องเร่งรีบและด้วยปริมาณเคส บางครั้งผู้ป่วยและญาติไม่เข้าใจคิดว่ามัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่รีบมารักษา แต่ขณะนั้นพวกเราทุกคนกำลังเตรียมความพร้อมป้องกันเพื่อเข้าไปช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างปลอดภัย ล่าสุดเพื่อนร่วมงานเจี๊ยบน้องพยาบาลเป็นลมในชุด PPE ระหว่างกำลังทำงาน

ห้องแยกโรคป้องกันการแพร่เชื้อ (ห้องความดันลบ) ที่ใช้สำหรับเคสผู้ป่วยโควิดมีจำกัด ไม่พอกับจำนวนผู้ป่วย จนคนไข้โควิดต้องออกมานอนรักษาอยู่ด้านนอก ทำได้เพียงเว้นระยะห่าง (ที่ไม่ห่าง) ระหว่างเตียง ผู้ป่วยใกล้เคียงรวมถึงเจ้าหน้าที่ก็ต้องเสี่ยงติดเชื้อไปตามกัน เพราะห้องแยกโรคเต็มหมด และเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากค่ะ เจี๊ยบเจอเคสที่คนไข้อายุมากกว่าเจี๊ยบแค่ปีเดียวไม่มีโรคประจำตัวอื่นใดๆ แต่ก็เป็นหนักจนเสียชีวิตลำพังบนเตียง ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาใคร ญาติพี่น้องไม่สามารถเข้ามาพบได้ ลองนึกดูว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวหรือคนใกล้ตัวของตัวเองจะทรมานใจขนาดไหน

เคสโควิดที่ป่วยหนักจนจำเป็นต้องใส่ท่อช่วยหายใจก็เกิดขึ้นทุกวัน ตั้งแต่ทำงานใส่ท่อช่วยหายใจให้คนไข้โควิดมายังไม่มีเคสไหนเลยที่รอด ทุกครั้งที่จะต้องใส่ท่อช่วยหายใจให้ผู้ป่วยเจี๊ยบรู้สึกเศร้ามากเพราะตัวหมอเองยังไม่รู้เลยว่าคนไข้จะมีโอกาสได้กลับบ้านไหม ที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนั้นคือจับมือและบอกว่าคนไข้ว่า "เดี๋ยวหมอจะใส่ท่อช่วยหายใจให้ตอนตื่นมาจะมีท่ออยู่ในปากนะ"

มีเคสนึง คนไข้เป็นคนขับรถแท็กซี่ คุณลุงเล่าว่า ผู้โดยสารให้ไปส่งที่รพ. ระหว่างทางก็ถามผู้โดยสารว่าไปส่งที่โรงพยาบาลเป็นอะไร เป็นโควิดหรือเปล่า? ผู้โดยสารเลี่ยงไม่ตอบ คนขับก็ไม่กล้าให้ลงจากรถเห็นผู้โดยสารขึ้นมานั่งแล้วจึงไปส่งให้ถึงที่หมาย หลังซักประวัติเสร็จไม่นานคุณลุงก็อาการหนักจนต้องใส่ห่อช่วยหายใจ เป็นอีกเคสที่จากไป เจี๊ยบไหว้พระขออธิษฐานให้คุณลุงสงบสุขอยู่บนสวรรค์นะคะ

สถานการณ์ในตอนนี้หนักมาก บางเคสที่เจออายุไม่เยอะ ไม่มีโรคประจำตัวมาก่อนก็อาจมีโอกาสอาการหนักได้ ความเสี่ยงมีอยู่ทุกที่ เจี๊ยบขอเป็นหนึ่งเสียงในฐานะแพทย์และประชาชนคนหนึ่ง ขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและทั่วถึงให้ประชาชนทุกคนอย่างเร็วที่สุดเถอะนะคะ เพราะแต่ละวินาทีที่ช้าไปคือชีวิต หมอทุกคนอยากเห็นคนไข้ได้กลับบ้านไปหาคนที่เค้ารัก"

BUGABOO ENTERTAIN / ขอบคุณภาพจากอินสตาแกรม @jeab_lalana













 

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark