ชายอ้างเป็นตำรวจ ลวงหนุ่มอายุ 15 ปี ไปชิงทรัพย์ เคราะห์ดีหนีรอดมาได้

เช้านี้ที่หมอชิต - ชายอ้างเป็นตำรวจลวงหนุ่มอายุ 15 ปี ไปช่วยราชการ ก่อนพาเข้าป่าหวังชิงทรัพย์ เคราะห์ดีที่เหยื่อหนีรอดออกมาได้ ตรวจสอบพบก่อนหน้านี้ก็มีคนเคยตกเป็นเหยื่อมาแล้วหลายราย คาดคนร้ายน่าจะก่อเหตุอย่างโชกโชน

กล้องวงจรปิดภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในตำบลท่าไข่ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่ชายอายุ 15 ปี ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ออกจากหมู่บ้านไปกับชายคนหนึ่งเมื่อช่วง 22.00 น. วันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

นี่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่ผู้ปกครองของชายอายุ 15 ปี นำเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา โดยระบุว่าลูกของพวกเขาถูกชายในภาพลวงไปชิงทรัพย์ แต่เคราะห์ดีที่ลูกสามารถหนีออกมาได้

สอบถามชายอายุ 15 ปี บอกว่า ก่อนเกิดเหตุช่วง 20.00 น. ขณะที่เขากำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน จู่ ๆ ก็มีชายรูปร่างผอมสูง ผิวเข้ม สวมหมวกแก๊ปบิดบังใบหน้า ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาหาเขา พร้อมชูป้ายแขวนคอสีดำให้ดู แล้วอ้างตัวว่าเป็นตำรวจ อยากให้เขาไปช่วยราชการเร่งด่วน ทำให้เขาหลงเชื่อ ยอมขึ้นรถไปด้วย โดยชายที่อ้างเป็นตำรวจได้พาขี่รถออกจากหมู่บ้านไปไกลกว่า 40 กิโลเมตร จนรู้สึกผิดสังเกต เขาจึงรีบส่งข้อความบอกแม่

จากนั้นชายคนดังกล่าวก็พาเขาขี่รถเลี้ยวเข้าไปในป่า พื้นที่ของตำบลดอนเกาะกา อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ก่อนจอดรถ ขณะนั้นเขาเห็นท่าไม่ดีจึงถอยห่างออกมา และเมื่อชายคนดังกล่าวพุ่งตัวเข้ามาหา เขาก็ตัดสินใจรีบวิ่งหนีออกมาทันที

ผู้เสียหายระบุว่าเขาต้องวิ่งหนีออกมาซ่อนตัวที่คูน้ำเล็ก ๆ ก่อน และรอจนกว่าผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ออกไป เขาจึงรีบวิ่งมาขอความช่วยเหลือกับ รปภ.หน้าโรงสีที่อยู่ใกล้เคียง ก่อนขอให้ช่วยโทรศัพท์บอกผู้ปกครองให้มารับตัว

หลังเกิดเหตุครอบครัวและญาติของผู้เสียหายต่างพยายามออกหาเบาะแสของคนร้าย กระทั่งพบว่าในพื้นที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ก็เคยเกิดเหตุชายอ้างตัวเป็นตำรวจลวงเด็กไปชิงทรัพย์เช่นเดียวกัน และมีการเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บางน้ำเปรี้ยว ไว้แล้ว

นอกจากนี้ยังพบเบาะแสว่าคนร้ายมีลักษณะคล้ายกับชายต้องสงสัยรายหนึ่งที่เคยก่อเหตุขโมยรถจักรยานยนต์ในพื้นที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยวถึง 3 ครั้ง และขโมยรถสองแถวในพื้นที่อำเภอบางคล้า ก่อนจะนำรถไปจอดทิ้งไว้ที่อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี จึงอยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับตัวคนร้าย
มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็ว เพราะกลัวว่าจะไปก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวกับลูกหลานของคนอื่นอีก