ผอ.โรงเรียน ยื่นประกันตัวเด็ก ม.6 จี้ชิงทองห้างดัง รับห่วงอนาคตเด็ก

ประเด็นเด็ด 7 สี - ผู้อำนวยการโรงเรียนยื่นเงินประกันตัวนักเรียนชั้น ม.6 ที่ถูกโกงแชร์ แล้วตัดสินใจก่อเหตุจี้ชิงทองในห้างดังย่านรัตนาธิเบศร์ เผยเป็นห่วงอนาคตเด็ก เพราะใกล้เรียนจบ ขณะที่ตำรวจไซเบอร์เร่งขยายผลหาท้าวแชร์ออนไลน์มาดำเนินคดี ติดตามเรื่องนี้ได้จากรายงานของคุณกรองทอง จันทะบุรม

ราว 15.00 น. วานนี้ (12 ก.ย.) กล้องวงจรปิดของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จังหวัดนนทบุรี เผยให้เห็นเหตุการณ์ขณะที่หญิงรายหนึ่ง ถือถุงกระดาษเดินเข้ามาในห้างตามปกติ เธอหายเข้าไปในห้องน้ำของห้างนานเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ สวมถุงมือและหมวกปิดบังใบหน้า เดินตรงมายังเคาน์เตอร์ร้านทอง ยื่นถุงพลาสติกสีดำและกระดาษเขียนข้อความข่มขู่ให้พนักงานหยิบทองรูปพรรณให้

กล้องวงจรปิดอีกมุมเผยให้เห็นว่าพนักงานภายในห้างเริ่มเห็นสิ่งผิดปกติ ต่างยืนมองเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ ก่อนที่หญิงผู้ก่อเหตุจะวิ่งหนีออกมา พร้อมถุงใส่ทองในมือ จังหวะนี้พลเมืองดีที่นั่งอยู่ได้ช่วยสกัดขาเธอไว้จนเสียหลักล้ม ก่อนจะถูกตำรวจสายตรวจประจำห้างฯ และผู้ที่เห็นเหตุการณ์จับกุมตัวไว้ได้  

ตำรวจยึดของกลางเป็นมีดทำครัว 1 เล่ม, สร้อยคอทองคำ และแหวนทองคำ น้ำหนักรวม 13 บาท มูลค่ากว่า 400,000 บาท ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นหญิงอายุเพียง 17 ปี นักเรียนชั้น ม.6 ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง

เธอเผยถึงปมการก่อเหตุว่าต้องการหาเงินไปฝากเข้าบัญชีธนาคาร หลังจากที่เธอแอบนำเงินค่าสินไหมทดแทน 50,000 บาท ที่ได้มาหลังจากพ่อเสียชีวิต ไปลงทุนเล่นแชร์ออนไลน์ ซึ่งช่วงแรกได้ค่าตอบแทนดีจึงลงทุนเพิ่มขึ้น จนสุดท้ายถูกเชิดหนี และเงินหมดบัญชี จึงเกิดความเครียดและก่อเหตุดังกล่าว

ล่าสุด เมื่อช่วงสายวันนี้ (13 ก.ย.) ผู้อำนวยการโรงเรียนของผู้ก่อเหตุ ได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวที่เยาวชนและครอบครัวจังหวัดนนทบุรี ในวงเงิน 15,000 บาท เพราะห่วงอนาคตของเธอ เนื่องจากเป็นเด็กเรียนดีและใกล้จบการศึกษาแล้ว

สำหรับกรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่าถูกโกงเงินค่าแชร์ออนไลน์ ขณะนี้ ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ประสานตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เข้าร่วมตรวจสอบ เพื่อติดตามเส้นทางการเงิน และสืบหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี 

ขณะที่ ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี บอกว่า การหลอกลวงผ่านทางโลกออนไลน์ในลักษณะนี้แบ่งเป็น 5 ประเภท ซึ่งในปีนี้มีการจับกุมคดีหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงินทั้งหมด 51 คดี รวบผู้ต้องหาได้ 71 คน มูลค่าความเสียหายนับร้อยล้านบาท