GPS เป็นเหตุ นำทางไปด่านตรวจ หลังลักลอบขนยาบ้า

เช้านี้ที่หมอชิต - ถ้าทำผิดกฎหมาย ต่อให้ใช้ GPS พาหนีอย่างไร ก็หนีไม่พ้น เมื่อชายคนหนึ่งขับรถยนต์ขนยาบ้า โดยใช้ GPS พาเลี่ยงเส้นทางที่จะเจอด่านตรวจของตำรวจ แต่ไฉนกลับถูกจับได้

GPS เป็นเหตุ นำทางไปด่านตรวจ หลังลักลอบขนยาบ้า
ตำรวจ สภ.ด่านซ้าย จังหวัดเลย พร้อมด้วยตำรวจตระเวนชายแดน สามารถจับกุมตัวนายวายุ กืกทอง อายุ 23 ปี ได้ที่ด่านสกัดตรวจค้นยาเสพติด บ้านปากหมัน อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย หลังจากที่ตำรวจสังเกตเห็นถึงข้อพิรุธ คือก่อนถึงด่านดังกล่าว นายวายุได้ขับรถยนต์ช้าผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ถนนโล่ง กระทั่งถึงด่านตำรวจก็สอบถามตามปกติว่าจะไปไหน แต่นายวายุกลับมีท่าทีลุกลี้ลุกลน ตำรวจจึงขอทำการตรวจค้นรถ ก็พบยาบ้าจำนวน 69,800 เม็ด และพระเครื่องจำนวนมาก จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน

ด้าน นายวายุ ผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากพ่อค้ายาเสพติด โดยขนไปส่งให้กับชายคนหนึ่งในตำบลนาดี แต่เนื่องจากไม่คุ้นชินกับเส้นทางจึงเปิด GPS เพื่อนำทาง โดยจะเลือกเส้นทางรอง เส้นทางชุมชน ถนนซอกซอย ที่ไม่ใช่เส้นทางหลัก จะได้ไม่เจอตำรวจ ซึ่งผู้ก่อเหตุก็งงเหมือนกันว่าขับรถมาเจอด่านสกัดตรวจค้นยาเสพติดได้อย่างไร อีกทั้งเมื่อตำรวจถามว่าเป็นคนสะสมพระเครื่องใช่ไหม เนื่องจากมีอยู่ในรถยนต์เป็นจำนวนมาก ด้านชายผู้ก่อเหตุก็ปฏิเสธอย่างทันควันว่าไม่ได้ชอบ แต่สาเหตุที่ต้องมีไว้ในรถ เนื่องจากมีความเชื่อว่าพระเครื่องจะอำพรางตัวให้รอดพ้นจากตำรวจได้

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นจะเร่งสอบสวนเพื่อขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อไป

สุดแสบ ตระเวนขายยาบ้าข้ามจังหวัด อ้างขยายฐานลูกค้า
อีกหนึ่งเหตุการณ์ เมื่อตำรวจ สภ.แสนสุข จังหวัดชลบุรี ได้รับเบาะแสข้อมูลการข่าวว่าจะมีการลักลอบซื้อ-ขายยาเสพติด กันบนรถยนต์สีขาว ป้ายทะเบียนกรุงเทพมหานคร โดยจะมาจอดบริเวณริมถนนชายหาดบางแสน ตำรวจจึงนำกำลังไปดักซุ่มรอ กระทั่งพบรถยนต์คันต้องสงสัย จึงบุกเข้าขอตรวจค้นชนิดที่เรียกว่าไม่ทันได้ตั้งตัว จากการตรวจสอบเจ้าของรถ คือ นางสาวรัตนาภรณ์ พานะเวช อายุ 35 ปี ซึ่งภายในรถพบยาบ้าจำนวน 200 เม็ด จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนต่อที่โรงพัก

ด้าน นางสาวรัตนาภรณ์ ผู้ก่อเหตุ รับสารภาพว่า เดิมทีอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร แต่เนื่องจากต้องการขยายฐานลูกค้ายาเสพติด จึงขับรถยนต์นำยาบ้ามาขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่ดังกล่าว โดยจะติดต่อผ่านคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างให้เป็นนายหน้าหาลูกค้าให้ แต่ปรากฏว่าคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างคนดังกล่าว เป็นสายของตำรวจพอดี ทำให้ถูกจับกุมตัวได้ในที่สุด

เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาฐานมียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จากนั้นจะเร่งสอบสวนเพื่อขยายผลไปยังผู้ที่อยู่เบื้องหลังของเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อไป