หนุ่มวัย 21 ปี แค้นสาวขอเลิก ถือปืนดักยิงญาติฝ่ายหญิงเสียชีวิต จ.สุราษฎร์ธานี
ข่าวอาชญากรรม 26 มกราคม 2565 - สนามข่าว 7 สี - ชายอายุ 21 ปี แค้นสาวบอกเลิก คิดว่าญาติผู้ใหญ่ยุแยง ชักปืนลูกซองดักยิง 2 ศพ ขณะผู้เสียชีวิตกำลังพากันจะไปกรีดยางพารา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตำรวจ สภ.เสวียด รับแจ้งเหตุยิงกันในสวนยางพารา บ้านอ่าวหมุน ตำบลปากฉลุย อำเภอท่าฉาง จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพ นายสุนทร อินทร์สุทธิ อายุ 52 ปี สภาพถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่ศีรษะ และตามลำตัว ห่างออกไปประมาณ 1 เมตร พบศพ นางจุเรส ไมตรีแก้ว อายุ 48 ปี ภรรยา สภาพถูกยิงที่หน้าอก มีรถจักรยานยนต์ 1 คัน มีกระสอบบรรจุยางพาราอยู่ที่เกิดเหตุ ชาวบ้านรีบโทรศัพท์แจ้งลูกสาวผู้เสียชีวิตมาที่เกิดเหตุ ตอนแรกบอกแค่ว่าทั้งคู่ขี่รถจักรยานยนต์ล้ม แต่พอลูกสาวมาถึง ก็ถึงกับช็อกร้องไห้ปริ่มจะขาดใจจนเป็นลม เมื่อเห็นสภาพพ่อกับแม่ถูกยิงนอนแน่นิ่งอยู่บนถนน จนต้องปฐมพยาบาลหายาดม หาน้ำมาให้ดื่ม
ลูกสาวผู้เสียชีวิต บอกว่า ครอบครัวมีอาชีพกรีดยางพารา มีพี่น้อง 3 คน สองคนจะอยู่ที่บ้านช่วยพ่อแม่กรีดยาง ส่วนพี่ชายเป็นทหาร วันเกิดเหตุพ่อกับแม่เพิ่งกรีดยางเสร็จ กำลังจะไปเก็บยาง ปกติลูก ๆ ก็จะไปด้วย แต่วันนั้นติดธุระ จะตามไปทีหลัง แต่จังหวะที่พ่อกับแม่ขี่รถมาถึงจุดเกิดเหตุ กลับถูกคนร้ายดักยิง ซึ่งจุดที่เกิดเหตุเป็นหน้าบ้านของคนที่เคยมีความขัดแย้งกันมาก่อนหน้านี้ คือมีช่วงหนึ่งหลานสาวของพี่สะใภ้ (หลานเมียพี่ที่เป็นทหาร) มาอยู่ที่บ้านด้วย ชายอายุ 21 ปี (ลูกชายบ้านที่เป็นจุดเกิดเหตุ) ก็มารักชอบพอกันถึงขั้นนำสินสอดเป็นทองคำน้ำหนัก 2 บาทมาหมั้นหมาย แต่คบหากันได้ไม่นาน ผู้ชายออกลายทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง จนหลานสาวทนไม่ไหว ตัดสินใจขอเลิก แต่ชายอายุ 21 ปี สงสัยคิดว่าพ่อกับแม่ (ผู้เสียชีวิต) เป็นคนยุแยงตะแคงรั่วใส่ร้ายให้ต้องเลิกกัน จึงขู่จะฆ่า พร้อมทวงของหมั้นหมายคืน จึงมั่นใจว่าคนที่ลงมือน่าจะเป็นผู้ชายคนนี้
หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน ตำรวจก็เชิญตัวชายอายุ 21 ปี ไปสอบสวนที่โรงพักในฐานะผู้ต้องสงสัย เค้นสอบไปเค้นสอบมา เจ้าตัวยอมเปิดปากรับสารภาพ ทำไปเพราะความแค้นที่ฝ่ายหญิงขอเลิก ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกพาอาวุธปืนไปในเมือง สถานที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
